FootNote บทสรุป จาก รวมไทยสร้างชาติ ต่ออนาคต ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่ว่าการปรับตัวของพรรคกล้า ไม่ว่าการปรับตัวของพรรคชาติพัฒนา ไม่ว่าการปรับตัวของพรรครวมไทยสร้างชาติ ล้วนเป็นการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด
ภายใต้สถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้ง ภายใต้สถานการณ์ไม่แน่นอนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เนื่องจากการแปรเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งระหว่าง 100 หารไปสู่ 500 หารและทำท่าว่าจะหวนกลับมายัง 100 หารมีความจำเป็นต้องขยับปรับตัว
พรรคกล้าโดย นายกรณ์ จาติกวณิช จึงแสดงความกล้าด้วยการหันไปจับมือกับ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เพื่อเป้าหมายไปสู่แนว โน้ม#กล้าพัฒนาชาติ ในการเลือกตั้ง
เหมือนกับเป็นการผนึกความรอบรู้ในทางเศรษฐกิจของ นาย กรณ์ จาติกวณิช ประสานเข้ากับความจัดเจนในทางการเมืองของ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ
ขณะเดียวกัน การตัดสินใจของพรรครวมไทยสร้างชาติในการประกาศชื่อ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นแคนดิเดตนายก รัฐมนตรีของพรรคก็เท่ากับเป็นการยอมรับในสภาพความเป็นจริง
ความเป็นจริงที่ยากอย่างยิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถก้าว”ไปต่อ”ได้ในทางการเมือง
ถามว่าอุบัติแห่งพรรครวมไทยสร้างชาติมีรากฐานความเป็นมาอย่างไร จะตอบคำถามนี้ได้ต้องเริ่มต้นจากบทบาทของ นายเสก สกล อัตถาวงศ์ เป็นสำคัญ
เป็น นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ในห้วงทำงานในฐานะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีอยู่ในทำเนียบรัฐบาล
ประกาศอย่างแจ้งชัดว่า พรรครวมไทยสร้างชาติเกิดขึ้นเพื่อเป็นพรรคการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเครื่องมือหนึ่งมิให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกกดบีบในทางการเมือง
มีการจัดวางบทบาทของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ตั้งแต่นั่งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และมาดหมายจะส่งให้ไปดำรงตำ แหน่งเป็นหัวหน้าพรรค
ท่าทีของพรรครวมพลังสร้างชาติไทยจึงสัมพันธ์กับสถานะใน ทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แนบแน่น
เหมือนกับการประกาศให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะดำเนินไปตามขนบอันชอบของพรรคการเมือง แต่อย่าลืมสายสัมพันธ์และการดำรงอยู่ในอดีต
ในที่สุดแล้วนี้จึงเท่ากับเป็นการปฏิเสธต่อรากฐานอันเป็นมา
เท่ากับสะท้อนความเชื่อมั่นในความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังประสบ
เป็นไปตามบทสรุปแต่โบราณที่ว่า “หมาตาย เห็บโดด”