ปัญหาอันเกี่ยวกับ”#เพกาซัส”อันนำเสนอผ่านการอภิปรายทั่วไปของ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ จากพรรคก้าวไกล ดำเนินไปอย่างท้าทายเป็นอย่างสูง
ไม่เพียงแต่ท้าทายว่ามีการใช้#เพกาซัสหรือไม่ หากแต่ยังอยู่ที่ท่าทีอันแสดงออกของบรรดา”รัฐมนตรี”อย่างมีนัยสำคัญ
ไม่ว่าจะเป็นการตอบของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะเป็นการตอบของ พล.อ.ขวัญชัย ช้างมงคล ไม่ว่าจะเป็นการตอบของ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
มีความจำเป็นต้องนำเอาแต่ละ”คำพูด”มาตรวจสอบโดยประสานเข้ากับสภาพความเป็นจริงของเอกสารหลักฐานอย่างเข้มงวดและจริงจัง
เนื่องจากมีคำยืนยันจากหลักฐานการตรวจสอบในต่างประเทศระบุอย่างแจ้งชัดว่าอย่างน้อยก็มีบุคคลกว่า 30 คนที่เป็นนัก เคลื่อนไหว เอ็นจีโอ นักวิชาการ นักการเมือง ถูกติดตาม
เป็นการติดตามโดยกระบวนการของสปายแวร์ขณะที่ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ชาญชัย ช้างมงคล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ต่างออกมาปฏิเสธอย่างกำกวม
คำถามก็คือหลักฐานอันได้มาจากการพิจารณา”งบประมาณ”มีความหมายมากน้อยเพียงใด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฏิเสธในฐานะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชาญชัย ช้างมงคล ปฏิเสธในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
ขณะที่นายชัยวุฒิธนาคมานุสรณ์แม้จะยอมรับในเบื้องต้นแต่ก็ออกมาปฏิเสธในภายหลังในฐานะรัฐมนตรีดีอี
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงมีเอกสารที่ปรากฏในระหว่างการพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีว่า สำนักงานตำ รวจแห่งชาติ สำนักบัญชาการข่าวกรองทหารบก รวมถึง กอ.รมน. มีความต้องการใช้และกำหนดงบประมาณไว้ครบถ้วน
ถามว่าเอกสารหลักฐานเช่นนี้ยืนยันและตอกย้ำความเป็นจริงอะไรเป็นความจริงของการมีของสปายแวร์เพกาซัสหรือว่า
เป็นความจริงที่แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ปฏิเสธความรับรู้
ต้องยอมรับว่าวิธีวิทยาในการทำงานของพรรคก้าวไกลผ่าน นาย พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ มีความสมบูรณ์ครบถ้วนภายในกระบวน การนำเสนอ
เป็นข้อมูลจาก”ต่างประเทศ”ประสานกับ”ในประเทศ”
อ้างอิงอยู่กับงบประมาณของกระทรวงกลาโหมสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกอ.รมน.อย่างเป็นหลักฐาน จึงมิใช่”เฟคนิวส์” และมิได้เป็นการกล่าวขึ้นอย่างเลื่อนลอย