FootNote การเบียดขบ ภายใน เพื่อไทย ความนัย ปรากฏผ่าน อุดรธานี
ในความคึกคักของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต่อการยกขบวนครอบ ครัวเพื่อไทยไปเปิดเวทีใหญ่ที่จังหวัดอุดรธานี ก็มีคำถามตามมาฉับพลันทันใดว่าเหตุใดจึงต้องเป็นอุดรธานี
หากเริ่มต้นจากความเป็นจริงจากสถานการณ์ “ไล่หนู ตีงูเห่า” ในพื้นที่ของจังหวัดศรีสะเกษก็จะได้คำตอบ นั่นก็คือ เมื่อเกิดปรากฏการณ์ “ดูด” อย่างครึกโครม “ดูด” อย่างเปิดเผย ไม่เกรงใจกันจากพรรคภูมิใจไทย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องตอบโต้อย่างฉับพลันทันใด
การเลือกพื้นที่ศรีสะเกษจึงมิได้หมายถึงเพียงศรีสะเกษ หากยังครอบคลุมพื้นที่อีสานใต้ตั้งแต่อุบลราชธานีผ่านศรีสะเกษเข้ามายังสุรินทร์ครบถ้วน
เล่นบทโหด แสดงความดุดันไม่เพียงผ่านท่วงทำนองช้างเหยียบนา พระยาเหยียบเมือง ผ่าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หากแต่ยังเท่ากับเป็นการตัดไม้ข่มนาม
เมื่อมาถึงกรณีของจังหวัดอุดรธานียิ่งทวีความเข้มข้นในคำถามที่ตามมาเนื่องจากอุดรธานีถือเป็นพื้นที่ยึดครองอย่างชนิดยก จังหวะแล้วเหตุใดจึงต้องสำแดงพลานุภาพทางการเมือง
นั่นเพราะปัญหาจาก “ภายใน” และปัญหาจาก “ภายนอก”
ปัญหาจากภายในคือเงาสะท้อนแนวโน้มของปัญหาที่จะเกิดขึ้นในลักษณะทั่วประเทศ นั่นก็คือ การตรึงกำลังของ “ผู้อาวุโส” ในทางการเมืองอย่างไม่ยอมรับกับสภาพการณ์ใหม่
นั่นก็คือ แม้จะมีข้อเสนอด้วยความหวังดีให้เปิดและปล่อยพื้นที่ให้กับคนรุ่นใหม่ แต่ “ผู้อาวุโส” ก็ยังไม่ยินยอมพร้อมใจ
ข้อเสนอในเรื่องการเปิดพื้นที่มาจากปัจจัย “ภายนอก” ที่ปรากฏตัวผู้สมัครใหม่จากพรรคการเมืองอันเป็นคู่แข่งมีความสดใหม่ และมีคะแนนความนิยมเหนือกว่า
ช่องทางของพรรคเพื่อไทยคือ เสนอให้คนเก่าเสียสละและไปยืนอยู่ในบัญชีรายชื่อ ขณะที่คนเก่ายังยืนยันว่าคะแนนและความนิยมของตนยังยอดเยี่ยมไม่มีอะไรแปรเปลี่ยน
นี่คือปัญหาที่พรรคการเมืองจำนวนหนึ่งประสบอยู่เพียงแต่ในกรณีของพรรคเพื่อไทยมีความแหลมคมและร้อนแรงมากกว่า
ยิ่งใกล้วาระแห่ง “การยุบสภา” และการพิจารณาหาตัวบุคคลทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่องวดเข้ามามากเพียงใด การเบียดขบในทางการเมืองก็คุกรุ่นขึ้น
ไม่ว่าจะป็นพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ การเปิดเวทีปราศรัยใหญ่โดยครอบครัวเพื่อไทย ด้านหนึ่ง จึงเท่ากับเป็นการแสดงพลานุภาพและความพร้อม ด้านหนึ่ง จึงเท่า กับยอมรับปัญหาที่ต้องเผชิญและจำต้องหาหนทางออก
นี่คือการปะทะระหว่าง “ใหม่” กับ “เก่า” ภายในพรรคการเมือง