FootNote การวิ่ง อันทรงพลัง แข็งแกร่ง การวิ่ง ของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ไม่ว่าจะเป็น”การวิ่ง”ทุกเช้ามืดก่อนรุ่งสาง ไม่ว่าจะเป็น”ดนตรีใน สวน” ไม่ว่าจะเป็น”กรุงเทพกลางแปลง”ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ล้วนได้รับความสนใจ และเป็นเป้าแห่งการวิพากษ์
เป็นการวิพากษ์ทั้งด้วยความชื่นชม โสมนัส เป็นการวิพากษ์ ทั้งด้วยความหงุดหงิด ไม่พอใจ
ที่ชื่นชมก็ประเมินว่าเป็นเรื่องดีมีประโยชน์ สมควรส่งเสริม สมควรสนับสนุนและต่อยอดให้ขยายไปอย่างกว้างขวาง ไม่ควรจำกัดแต่เพียงในกรุงเทพมหานคร
ที่หงุดหงิดก็ประเมินว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีประโยชน์ มิได้เป็นงานอย่างแท้จริงของผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็น”ผู้ว่าฯ”ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงเทพมหานครหรือที่อื่น
ความร้อนแรงอยู่ตรงที่ ไม่ว่าจะเป็นในด้านอันชื่นชม ไม่ว่าจะ เป็นในด้านอันหงุดหงิด ไม่พอใจ มิได้ดำรงอยู่อย่างเป็นเอกเทศเดี่ยวโดด ตรงกันข้าม ดำเนินไปในลักษณะอันเป็น”ตัวแทน”
เป็นตัวแทนของกลุ่มในทาง”ความคิด” เป็นตัวแทนของกลุ่ม
ในทาง”การเมือง” บรรดาเสียงและกระแสแห่งความรู้สึกเหล่านั้นจึงสะท้อนผ่านสังคมและทวีความร้อนแรงเป็นลำดับ
ความร้อนแรงแห่งการวิพากษ์นี้เองกำลังกลายเป็น”กระแส”และส่งผลกระทบสร้างแรงสะเทือนในทาง”สังคม”
ถามว่าการลุกขึ้นมา”วิ่ง”ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กระทบต่อการทำงานในฐานะ”ผู้ว่าฯกทม.หรือไม่ เป็นผลดีหรือว่าเป็นผลเสียในเชิงการบริหาร
คำตอบโดยพื้นฐานก็คือ การวิ่งที่เกิดขึ้นเริ่มต้นตั้งแต่เวลาราว 04.00 น.ของทุกเช้า เป็นเวลานอกราชการ เป็นเวลาส่วนตัว
กระนั้น ความน่าสนใจเป็นอย่างสูงก็คือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แปรกิจกรรมในทาง”ส่วนตัว”ให้เป็นส่วนหนึ่งภายในกระบวน การบริหาร”เมือง”ที่ประชาชนมอบหมาย
ที่เห็นอย่างเด่นชัดก็คือการได้พบกับ”เพื่อนร่วมงาน”ที่กวาดถนน และกลายเป็นรากฐานนำไปสู่การร่วมกินข้าวระหว่างผู้ว่าฯกับเพื่อนร่วมงานระดับล่างสุดและเป็นพื้นฐานของกทม.
แท้จริงแล้วการวิ่งทุกเช้าคือรากฐานแห่งการทำงาน
ความแหลมคมอย่างยิ่งยวดอยู่ที่ว่า การทำงานผ่านกระบวนการวิ่งของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กลายเป็นคำถามไปยังเจ้าหน้าที่รัฐ ทุกระดับทั้งที่เป็นราชการประจำ และราชการการเมือง
ไม่ว่าจะ”ผู้ว่าราชการจังหวัด”ไม่ว่าจะ”นายกรัฐมนตรี”
เช่นนี้เองกระแสอยาก”เลือกตั้ง”ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงบังเกิด รวมไปถึงอยากให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
แรงสะเทือนนี้นับวันยิ่งแพร่กระจาย ยิ่งขยายตัวกว้างขวาง