FootNote:แนวโน้มอนาคต การเมืองไทย ผ่านการประชุม “สภากทม.”
องค์ประกอบทางการเมืองจากผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม กำลังกลายเป็น “รูปแบบ” และการทดลองในทางการเมืองอันแหลมคม
นั่นก็คือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯกทม. ในสถานะอันเป็นอิสระ แต่ก็มี 2 พรรคการเมืองเป็นพันธมิตร
การประชุม “สภากรุงเทพมหานคร” ในวันพุธที่ 6 กรกฎาคม จะฉายสะท้อนให้เห็นว่า การทำงานร่วมกันระหว่าง 20 ส.ก.พรรคเพื่อไทย กับ 14 ส.ก.พรรคก้าวไกลกับ “ผู้ว่าฯกทม.” เป็นอย่างไร
เวลาจากเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม มายังวันที่ 6 กรกฎาคม สำแดงออกอย่างเด่นชัดยิ่งว่า แนวทาง “ทำงาน ทำงาน ทำงาน” ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นั้นเป็นอย่างไร
โดยพื้นฐานแล้วเป็นกระบวนการ “ทำงาน ทำงาน ทำงาน” เพื่อประโยชน์ของชาวกรุงเทพมหานครโดยองค์รวม ได้สร้างความมั่นใจเป็นอย่างสูงตลอดสองรายทาง ที่มีการออกวิ่งเพื่อทำงาน
การให้ความสำคัญต่อ “เพื่อนร่วมงาน” ระดับล่างสร้างความสะเทือนใจ ยิ่งเมื่อประสานกับการยกระดับรายได้และสวัสดิการยิ่งสร้างความมั่นใจ
คำถามอยู่ที่ว่าวัฒนธรรมการทำงานเช่นนี้ ส.ก.พรรคเพื่อไทย ส.ก.พรรคก้าวไกล รับและประสานร่วมมือได้หรือไม่
หากดูจาก “แถลงการณ์ร่วม” ที่เห็นชอบระหว่างพรรคเพื่อไทยกับ พรรคก้าวไกล ก็จะสัมผัสได้ในความริเริ่มจากทางด้านของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร อย่างเห็นเด่นชัด
รูปธรรมคือ ความริเริ่มอันเคยสัมผัสได้จากการขับเคลื่อนทางการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรเป็นสำคัญ
นั่นก็คือ การทำให้การประชุมสภากรุงเทพมหานครมีความโปร่งใส ปรากฏทุกบาทก้าวอยู่ในสายตาของชาวกรุงเทพมหานคร และการขยายบทบาทของกรรมการในลักษณะของกรรมาธิการ
เมื่อนำเอาความริเริ่มอย่างสร้างสรรค์เช่นนี้ ผนวกเข้ากับการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงเด่นชัดในเอกภาพทางความคิดระหว่าง 2 ฝ่าย
นี่ย่อมเป็นพลังอันจะเปล่งพลานุภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม
หากความประสานและร่วมมือกันระหว่างผู้ว่าฯกับสภากรุงเทพมหานคร ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นโยบายพรรคเพื่อไทย นโยบายพรรคก้าวไกล ได้
นั่นหมายถึงกระบวนการบริหารจัดการในทางการเมืองอันจะเป็นคุณและประโยชน์สูงสุดอยู่กับประชาชน
เกิดการเปรียบเทียบกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ก่อผลสะเทือนไม่เพียงแต่ต่อการเมือง และการเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้ หากแต่หมายถึงองค์รวมของการเมืองไทยด้วย