FootNote:เมื่อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขยับคำถามตรงไปยัง รัฐบาล กกต.
กำหนดการเดินทางไปเยือน เขต 1 ชุมพร และ เขต 6 สงขลา ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประกาศเป้าหมาย อย่างเด่นชัด
แม้จะปฏิเสธสถานะ ‘รองนายกรัฐมนตรี’ มิได้ แต่ในความเป็น จริงเป็นการไปในสถานะแห่ง ‘หัวหน้าพรรค’ พลังประชารัฐ
เป้าหมายอย่างแท้จริงอยู่ที่การเลือกตั้ง ‘ซ่อม’ ใน 2 เขตนั้น
แน่นอนเมื่อเดินทางไปถึง เขต 1 ชุมพร ย่อมจะปรากฎเงาร่างของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ มาต้อนรับ เมื่อเดินทางไปถึง เขต 6 สงขลา ย่อมจะปรากฎเงาร่างของ นายสุชาติ ชมกลิ่น มาต้อนรับ
เป็นการมาต้อนรับในสถานะแห่งผู้อำนวยการเลือกตั้งของชุมพรและของสงขลา มิได้มาในสถานะแห่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
และหากเมื่อใด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลงพื้นที่จตุจักรหลักสี่ เขต 9 ก็ย่อมเห็น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ มาต้อนรับ พร้อมกับ นางสรัลรัศมิ์-นายสิระ เจนจาคะ อย่างไม่ต้องสงสัย
ประเด็นการเยือนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงสำคัญ
รัฐธรรมนูญพยายามแยกระหว่างตำแหน่งบริหารของฝ่ายการเมือง ในห้วงแห่งการเลือกตั้งอย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งซ่อมขนาดเล็ก
แต่เมื่อเป็นการเคลื่อนไหวของบุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรีเช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็แยกลำบาก
แม้ตำแหน่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเด่นชัดว่าคือหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็ตาม แต่เมื่อมีคนอย่าง นายสันติ พร้อมพัฒน์ นายสุชาติ ชมกลิ่น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ปรากฏตัว
ก็ย่อมไปพร้อมกับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีแรงงาน รัฐมนตรีดีอี ติดตามมา
นี่คือสถานะที่ได้เปรียบของผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ
คำถามมิได้อยู่ที่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายสันติ พร้อมพัฒน์ นายสุชาติ ชมกลิ่น และ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ จะวางตัวอย่างไรในการเคลื่อนไหว
หากแต่ยังเสนอต่อบรรดา ‘ข้าราชการ’ ในสังกัดอย่างแหลมคม
คำแถลงจากพรรคประชาธิปัตย์เรื่องทหาร 100 กว่าคน คำแถลงจากพรรคกล้าเรื่องจำนวนเงินในการซื้อเสียงจึงท้าทาย
ท้าทายต่อรัฐบาล ท้าทายต่อการทำงานของ ‘กกต.’