FootNote:เมื่อ ธรรมนัส พรหมเผ่า เจ็บปวด การเมืองไทย ก็เจ็บปวด มากกว่า
เสียงอุทธรณ์จาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ต่อการเลือกตั้งซ่อมที่เขต 1 ชุมพร และ เขต 6 สงขลา ว่าน่าจะเป็นการเลือกตั้งที่มีการทุจริตซื้อเสียงรุนแรงมากที่สุด
สร้างความประหลาดใจเป็นอย่างสูง ไม่เพียงแต่จากภายในของพรรคประชาธิปัตย์ หากแต่ในแวดวงการเมืองอีกด้วย
เสียงร้องอุทธรณ์ในท่วงทำนองละม้ายเหมือนกันนี้ ก็เคยเกิดขึ้น ภายหลังการเลือกตั้งซ่อม ไม่ว่าจะที่นครปฐม ไม่ว่าจะที่ขอนแก่น ไม่ว่าจะที่ลำปาง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนครศรีธรรมราช
เพราะเด่นชัดยิ่งว่าทุกการเลือกตั้งซ่อมที่ชัยชนะเป็นของพรรคพลังประชารัฐ ล้วนตามมาด้วยคำครหา และบางแห่งเช่นลำปางถึงกับนำไปสู่การแจกใบเหลือง
คำถามจึงมิได้หมายความว่าจะเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ที่เขต 1 ชุมพร เขต 6 สงขลาเป็นแห่งแรก หากได้มีอยู่แล้วเหมือนเป็นปกติ
เพียงแต่เกิดความสงสัยในความรับรู้ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าสถานการณ์การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 16 มกราคม เป็นประสบการณ์แรกของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จริงละหรือ
หากศึกษารากฐานการเข้ามาสู่การเมืองของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ตั้งแต่อยู่กับพรรคไทยรักไทย อยู่กับพรรคพลังประชารัฐ อยู่กับพรรคเพื่อไทย นี่ย่อมมิได้เป็นประสบการณ์แรกในทางการเมือง
อย่างน้อยก็เคยผ่านสถานการณ์เลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ที่พรรคไทยรักไทยกวาด 377 จาก 500 มาแล้ว
หากไม่ได้ยินเสียงอุทธรณ์จากพรรคประชาธิปัตย์ก็ย่อมจะได้ยินความหงุดหงิดจาก นายบรรหาร ศิลปะอาชา แทบไม่ต่างไปจากที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประสบที่ชุมพรและสงขลา
เพียงแต่สถานการณ์ใน ‘อดีต’ เป็นการรุกจากฝ่ายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ขณะที่กรณีของชุมพรและสงขลาเป็นการรุกอันมาจากพรรคประชาธิปัตย์อย่างหนักหน่วงเท่านั้น
บทสรุปที่ตรงเป้าที่สุดต่อการเลือกตั้งซ่อม ณ เขต 1 ชุมพร และเขต 6 สงขลา คือการประมวลทุกความจัดเจนของการสัประยุทธ์ในทางการเมืองเข้าห้ำหั่นกันอย่างเหี้ยมโหด
ไม่ว่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคพลังประชารัฐ
ทั้งหมดนี้เป็นการเมืองที่สะท้อนความเป็นจริงและเป็นเงาสะท้อนไปยังการเลือกตั้ง ที่จะตามมาในอนาคตอันใกล้แน่นอน
นี่คือภาพแห่งความเป็นจริงของการเมืองไทย ณ วันนี้เด่นชัด