FootNote:อ่านกลยุทธ์ สร้างอนาคตไทย ประสาน ประวิตร วงษ์สุวรรณ
การสร้าง “จุดต่าง” อย่างสำคัญจากพรรคสร้างอนาคตไทย ผ่านคำปราศรัยยาวเหยียดของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คือ 1 ในพิมพ์ เขียวทางการเมืองที่มีการจัดวาง
ยืนยันความเป็น “นักการตลาด” สะท้อนความเข้าใจต่อสภาพที่ดำรงอยู่ภายใน “ตลาดการเมือง” ได้เป็นอย่างดี
เสียงโต้กลับอันดังมาจากบางส่วนของพรรคพลังประชารัฐ เป็นสภาพที่สามารถคาดคำนวณไว้ได้อยู่แล้ว และแทบจะไม่เกิดบทบาทและความหมายใด
หากมองจากสภาพความเป็นจริงที่ไม่เพียงแต่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะร่วมกับคณะคสช.และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
หาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พร้อมด้วย นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ยังมีส่วนอย่างสำคัญในการสร้างพรรคพลังประชารัฐ
ในอีกด้านหนึ่งจะมีใครที่จะสามารถสังเคราะห์ และประเมินบทบาทและความหมายของพรรคพลังประชารัฐได้ดี เท่ากับกลุ่มที่ เรียกว่า “4 ยอดกุมาร” ได้เล่า
การวิพากษ์วิจารณ์และชี้ให้เห็นความล้มหลายจึงเป็นรากฐานในการสร้าง “จุดต่าง” ของพรรคสร้างอนาคตไทย
มีความจำเป็นที่พรรคสร้างอนาคตไทยจะต้องสำแดงบทบาทในการชำแหละ ให้สังคมเห็นถึงความล้มเหลวของพรรคพลังประชารัฐและรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แม้ว่าบทบาทนี้จะเสี่ยงอย่างยิ่ง เพราะเท่ากับดำเนินไปในกระสวนของ “การหยิกเล็บ เจ็บถึงเนื้อ” เป็นอย่างสูง
กระนั้น บทบาทนี้ของพรรคสร้างอนาคตไทยก็ดำเนินไปเช่น เดียวกับบทบาทของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในการสร้างจุดต่างในเชิงการบริหารกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพราะว่าหากไม่ขยายจุดอ่อนและความบกพร่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นที่ปรากฏไฉนจะสร้างความหมายและขยายบทบาทในทางการเมืองของตนได้
นี่ย่อมเป็น “โจทย์” อันสามารถส่งผลสะเทือนได้อย่างเป็นจริง
ไม่ว่าบทบาทของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่าบทบาทของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จึงทรงความหมายและมีผลสะเทือนลึกซึ้งกว้างขวางในทางการเมือง
เป็นบทบาทที่จะสร้าง “แรงบันดาลใจ” ให้กับอีกหลายพรรค
ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้กระทั่งพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพรรคชาติพัฒนา
นี่เป็นทิศทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จักต้องแบกรับ