FootNote:สัญญาณ ตู้ห่าว ธุรกิจสีเทา การแปรเปลี่ยน ของ อำนาจ

ปรากฏการณ์ “ตู้ห่าว ธุรกิจสีเทา” แม้จะถือว่าเป็นเรื่องของมาเฟีย ข้ามชาติ สยายปีกเข้ามาแสวงประโยชน์ผ่านช่องโหว่ของธุรกิจบันเทิงและการท่องเที่ยวไทย

กระนั้น องค์ประกอบของ “ธุรกิจสีเทา” สลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อนเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะเครือข่ายและสายสัมพันธ์

หากมองอย่างโดดๆและตายตัวผ่าน “ตู้ห่าว” ซึ่งเป็นนักธุรกิจจีน ที่แปรสัญชาติมาเป็นไทย หากมองผ่าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซึ่งค่ำหวอดอยู่ใน “ธุรกิจสีเทา”

คล้ายกับเป็นเรื่องขัดกันในด้านผลประโยชน์ ฝ่ายใดรุกเข้ามายึดครองและสร้างความเหนือกว่าอย่างเห็นๆ แต่อย่าลืมเป็นอันขาดว่าการเติบใหญ่ของ “ตู้ห่าว” ดำรงอยู่อย่างไร

เด่นชัดอย่างยิ่งว่า โดยพื้นฐานก็สร้างเครือข่ายและสายสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบังเอิญเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นๆก็โยงสายยาวไปยังเครือข่ายและสายสัมพันธ์ทางการเมือง

ขณะเดียวกัน หากมองจากตัวตนของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เองก็มิได้เป็นผู้ประกอบการใน “ธุรกิจสีเทา” แท้ๆ ตรงกันข้าม ได้มีบทบาทในทางการเมืองค่อนข้างสูงและโลดโผน

ปัจจัย “การเมือง” นั่นแหละจะทำให้สถานการณ์ “ยืดเยื้อ” หลังนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ดำเนินการขุดคุ้ย เปิดโปงเครือข่ายของ “ธุรกิจสีเทา” ได้ระยะหนึ่ง ก่อให้เกิดการฉวยโอกาสซ้ำเติมทาง การเมืองขึ้นโดยอัตโนมัติ

มองและประเมินว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อาจ “รับงาน” มาด้วยเป้าประสงค์แฝงอย่างแจ้งชัด

เพื่อทำลายบาง “นักการเมือง” ที่จะเข้าไปมีบทบาทในการประสานเชื่อม ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทย นี่เท่ากับเป็นการตัดตอน

ไม่ว่าการประเมินเช่นนี้จะเป็นจริงหรือไม่ แต่นี่ก็เท่ากับเป็นการหว่าน “เมล็ดพันธุ์” อันร้อนแรงและแหลมคมเป็นอย่างยิ่ง ที่ทุกฝ่ายจะสามารถพัฒนาการต่อยอดได้

ปมเงื่อนอยู่ที่ว่าจะเป็นการต่อยอดโดยพรรคภูมิใจไทย ต่อยอดโดยพรรคปรชาธิปัตย์หรือโดยพรรคพลังประชารัฐ

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็น “สัญญาณ” เตือนให้รับรู้ว่าหลังจากกรณีของ “ตู้ห่าว ธุรกิจสีเทา” เป็นต้นไป การดำรงอยู่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

ทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การ “กำกับ” ของ “นักการเมือง”

เพราะหากไม่สามารถ “เคลียร์” กรณีของ “ตู้ห่าว ธุรกิจสีเทา” ลงได้โดยราบรื่น นี่ย่อมเป็นโจทย์เป็นการบ้านในทางการเมือง ที่จะต้องมีการคิดบัญชีกันต่อไป

สัญญาณนี้ยืนยันว่า “อำนาจ” เริ่มเกิดการแปรเปลี่ยนแล้ว