FootNote:สะเทือนจาก ปริญญ์ พานิชภักดิ์ กระทบ ประชาธิปัตย์ หนักหน่วง
เหมือนกับกรณีของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ตกอยู่ในภาวะกระอักกระอ่วน เมื่อเผชิญกับกระแสการรุกไล่ในทางสังคม
กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ต้องออกมาขอโทษ และแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และหัวหน้าพรรคต้องแสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งบางตำแหน่งในรัฐบาล โดยเน้นไปยังตำแหน่งเกี่ยวกับการพัฒนาสิทธิของสตรีอย่างเป็นด้านหลัก พร้อมกับจัดตั้งกรรมการขึ้นสอบสวน
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ แม้ว่าการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบ สวนจะเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงความเป็นอารยะของพรรคประชาธิปัตย์
แต่คำถามก็คือ เรื่องของนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ได้พ้นไปจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ในเมื่อเป็นคดีอาญาและนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ได้ลาออกจากทุกตำแหน่งที่มีในพรรคประชาธิปัตย์
จึงกลายเป็นว่าคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริง อันเป็นความต่อเนื่องจากกรณี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์
ความแหลมคมอย่างยิ่งของปัญหาก็คือ คณะกรรมการที่พรรคประชาธิปัตย์แต่งตั้งและมอบหมายให้ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก เป็นประธานจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด
เนื่องจากปมเงื่อนที่สำคัญเป็นอย่างมาก คือการตรวจสอบจากวิวาทะอันเกิดขึ้นจากการตอบโต้กันผ่าน “ไลน์กลุ่ม”
ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาข้อความจากคนภายนอกเข้ามาเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นการตอบโต้ในลักษณะแจกแจงถึง “พฤติกาม” ของหลายคนของพรรคประชาธิปัตย์อย่างพิสดาร
เหมือนกับเป็นการซุบซิบ นินทาว่าร้าย แต่ก็เป็นการซุบซิบและนินทาว่าร้ายอันดำเนินไปอย่างเป็นภาพซ้อนกับพฤติการณ์อื้อฉาว
คำถามอยู่ที่ว่ากรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่ได้ตรงเป้าหรือไม่
อาจกล่าวได้ว่าแต่ละระลอกคลื่นอันสาดกระทบเข้ากับภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความขัดแย้งที่สะสมอย่างยาวนาน
จากยุค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
สะท้อนออกจากรูปธรรมการลาออกในลักษณะที่เลือดไหลไม่ หยุดจากภายในของพรรคประชาธิปัตย์
เพียงแต่กรณี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ทำให้เกิดผลสะเทือนขึ้น