FootNote:สถานะ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ การดำรงอยู่ อย่างไม่เสถียร

เพียง 1 วันภายหลังการแถลงของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ในการเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ก็ปรากฏร่องรอยและสัญญาณบ่งชี้ถึงความไม่เสถียรในทางการเมือง

อาจประเมินได้จาก “ภาษากาย” ซึ่งบรรดา “แกนนำ” มิอาจเก็บอาการเอาไว้ได้อย่างเนียนนุ่ม

ไม่ว่าเมื่อจับผ่านการเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่าเมื่อจับท่วงท่าอิริยาบถ และการตัดสินใจในการกุมไมค์ของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ

ไม่ว่าแต่ละจังหวะก้าว แต่ละถ้อยคำอันออกมาจาก 2 เรียว ปากของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เอง ล้วนก่อให้เกิดคำถาม และตามมาด้วยการตีความอย่างพิสดาร

ทั้งจากความจัดเจนโดยตรงของ นายทักษิณ ชินวัตร ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ในแบบของ โทนี่ วู้ดซั่ม อย่างสอดรับกับจุดร้อนแรงของสถานการณ์

และที่สุดก็สะท้อนความรู้สึกจาก “ภายใน” ของหลายคนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ ในลักษณะอันดำรงอยู่ในจุดอันเป็นตัวแทนในทางความคิด

นั่นก็คือ ตัวแทนความคิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

หากประมวลจากประสบการณ์ “ตรง” ของ นายทักษิณ ชินวัตร ประสานกับความจัดเจนตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย

ก็สอดรับกับบทสรุปอันรวบรัดยิ่งของเกจิทางการเมืองระดับ นายสุขุม นวลสกุล ถึงอนาคตของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์

นั่นก็คือ ไม่น่าจะอยู่พรรคพลังประชารัฐได้ถึง “เลือกตั้ง”

ปมเงื่อนอยู่ที่การต่อรองเพื่อจะทะยานเข้าไปเป็น “แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง ของพรรคพลังประชารัฐโดย นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นจริงมากเพียงใด

โทนี่ วู้ดซั่ม ทุบโต๊ะฟันธงว่า หากไม่ได้มีความเชื่อมั่นในเรื่องนี้คนอย่าง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ จะไม่เข้าไปนั่งแถลงร่วมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างเด็ดขาด

คำถามอยู่ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คิดอย่างไรในเรื่องนี้

กรณีที่มีแถลงจาก นายวีระกร คำประกอบ ประสานเข้ากับการยืนยันของ นายรงค์ บุญแก้วสวย เท่ากับเป็นคำตอบ เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณ “เตือน”

เพราะ 2 คนนี้อ้างอิง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หนักแน่น

หนักแน่นว่าต้องผ่านความเห็นของคณะกรรมการบริหารพรรค หนักแน่นว่าต้องผ่านมติร่วมกันในที่ประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐ มิได้เป็นเรื่องของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

เท่ากับเอาหลักการ “ประชาธิปไตย” มาเป็น “เครื่องมือ”