FootNote:สถานการณ์ รวมไทยสร้างชาติ เหตุใด สุชาติ ชมกลิ่น จึง “ป่วย”

เห็นท่วงท่าอาการไม่ว่าจะของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไม่ว่าจะของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ทั้งในฐานะหัวหน้าพรรค ทั้งในฐานะเลขาธิการพรรค

ก็เข้าใจว่าเหตุปัจจัยอะไรทำให้ นายสุชาติ ชมกลิ่น จำเป็นต้องอยู่ในชุดคนไข้ของโรงพยาบาล

แม้จะเคยเป็น “ยอดขุนพล”สู้ศึกเลือกตั้ง ตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 กระทั่งกำชัยอย่างงดงามในเดือนมีนาคม 2562

ก็ต้องตกอยู่ในสภาพไปไม่ถูกในทางการเมือง

เพราะลำพังเห็นเส้นทางการจัดวาง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากที่ปรึกษากว่าจะเข้าสอดสวมในตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ ก็ต้องคดเคี้ยวและวกวน

จำเป็นต้องมีการย้าย นายดิสทัต โหตระกิตย์ ออกไปให้เรียบร้อย เมื่อตำแหน่งว่างลงจึงจะสามารถนำชื่อ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เข้าไปแทนที่

อย่าได้แปลกใจที่เส้นทางการก้าวจากตำแหน่งผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ เข้าไปรออยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ จะดำเนินไปด้วยความยากลำบาก

เนื่องจาก นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ยังไม่ขยับขับเคลื่อน

บทบาทของ นายสุชาติ ชมกลิ่น มีความเด่นชัดอย่างยิ่งในความร่วมเป็นร่วมตาย อยู่เรียงเคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน 2562

แต่นั่นเป็นเรื่องในรัฐบาล แต่นั่นเป็นเรื่องภายในของพรรคพลังประชารัฐ

แต่กล่าวสำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ จุดเริ่มต้นเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และแม่บ้านที่สำคัญย่อมเป็น นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่เข้าไปตระเตรียมรอท่า

ไม่เพียงแต่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ จะมีผู้อาวุโอย่าง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เท่านั้น หากแต่ยังมีคนที่วางใจได้ในความจัดเจนระดับ นายวิทยา แก้วภราดัย

การเข้ามาของ นายสุชาติ ชมกลิ่น แม้จะพก “บัตรแข็ง” แต่ก็ใช่ว่าจะหยิบชิ้นปลามันได้อย่างราบรื่นคล่องมือ

อุปสรรคอย่างสำคัญมิได้อยู่ที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ซึ่งร่วมกันต่อยอดสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติ จากที่แทบไม่มีอะไรอยู่ในมือ

หากแต่ยังขึ้นกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างสำคัญ

เนื่องจากพื้นฐานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เติบใหญ่มาจากระบบราชการ และมีบทเรียนน้อยมากในงานการเมือง งานสร้างพรรคการเมือง

นี่ย่อมต่างจากที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น เติบโตมาอย่างสิ้นเชิง