FootNote:สงคราม ประยุทธ์ จันทร์โอชา สงคราม ใต้กระแสความเชื่อ
ในทางการทหาร พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี บทบาทและความหมายก็คือ การตกอยู่ในสถานการณ์ “ตั้งรับ”
คำถามก็คือ ในสถานการณ์ “ตั้งรับ” เช่นนี้จะกำหนดบทบาทของตนอย่างไร
ในทางการทหารมีความจำเป็นต้องตรวจสอบกำลังของตนด้วยความเข้มงวดและจริงจัง จะต้องเสริมในด้านใดและเตรียมรับ มือก้าวต่อไปอย่างไรจึงจะพลิกสถานการณ์จากรับเป็นรุกได้
คำถามที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ การตั้งรับของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มิได้เป็นการตั้งรับในทาง “การทหาร” หากแต่เป็นการตั้งรับในทาง “การเมือง”
ความแตกต่างอย่างมีนัยอันเป็น “เส้นแบ่ง” หากเทียบจุดต่างระหว่างการเมืองกับการทหารก็คือ การทหารเป็นความต่อเนื่องของการเมือง นั่นก็คือเป็นการเมืองที่หลั่งเลือด
ความเป็นจริงตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมเป็นต้นมาก็คือ การต่อสู้ทางการเมือง เพื่อพลิกจากสถานการณ์รับเป็นรุกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นอยู่กับศรัทธาและความเชื่อถือ
คำถามอยู่ที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะพลิกจากความเชื่ออย่างหนึ่งไปยังความเชื่ออีกอย่างหนึ่งได้อย่างไร
ปมอันเป็นความเป็นจริงที่ “จริงแท้” อย่างที่สุด เป็นความจริง ซึ่งได้กลายเป็นความเชื่อโดยพื้นฐานของสังคม นั่นก็คืออายุการดำเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นกี่ปี
ไม่ว่าจะเริ่มจากพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ไม่ว่าจะเริ่มจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ
ความเชื่อของสังคมเริ่มต้นจากที่เห็นการเข้าทำหน้าที่ในฐานะ “นายกรัฐมนตรี” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่เมื่อ หลังรัฐประหารคือเดือนสิงหาคม 2557
ยิ่งเมื่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่รับเรื่องร้องเรียนที่เสนอโดยพรรคร่วมฝ่ายค้านขั้นแรกคือ คำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งเน้นใน “ความเชื่อ” เดิม
ศึกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเป็นศึก “ความเชื่อ”
เบื้องหน้าความเชื่อที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ในสังคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เพียงแต่ตกอยู่ในสถานการณ์ “ตั้งรับ” หากมีความยากลำบากยิ่งในการ “รุก”
แต่ละก้าวของ “การเคลื่อนไหว” ล้วนถูกจับตามองเกาะติด
แม้กระทั่งการเดินทางเข้ากระทรวงกลาโหม แม้กระทั่งการติดต่อกับ “รัฐมนตรี” บางคนก็ล้วนไม่รอดพ้นไปจากสังคม
ความหมายก็คือถูกกรอบแห่ง “คำสั่ง” พันธนาการแน่นหนา