FootNote:ศึกนอก ศึกใน อันใหญ่หลวง สาดใส่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

แม้ปัญหาของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ จะกลายเป็นปมและเป็นจุดเริ่มของความยุ่งยากและยุ่งเหยิงของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ลาออกทุกอย่างก็น่าจะจบ

กระนั้น เมื่อเกิดปฏิกิริยาอันมาจาก นายเทพไท เสนพงศ์ ตามมาด้วยคำถามจาก นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย

ก็เริ่มทำให้ “มรสุม”ซึ่งก่อตัวโดยกรณีของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ จะมิได้จำกัดวงเสมอเป็นเพียง “เรื่องส่วนตัว”ของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อย่างที่พยายามให้เป็นเสียแล้ว

เพียงการปรากฏตัวของ นายเทพไท เสนพงศ์ ก็เกิดอาการวูบไหวอย่างใหญ่หลวงขึ้นแล้ว แต่นี่ยังมีการจุดไฟและขยายความต่อเนื่องในที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี

เมื่อผนวกเข้ากับการประท้วงอย่างดุดันด้วยการยื่นใบลาออกจากสมาชิกภาพแห่งพรรคประชาธิปัตย์ของ นายวิทยา แก้วภราดัย ก็ยิ่งสะท้อนอาการ “สนิม”ซึ่งเกิดแต่เนื้อในตนเด่นชัดขึ้น

คำถามถึงบทบาทของ นายชวน หลีกภัย คำถามถึงบทบาทของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงเริ่มดังกึกก้องขึ้น

ต้องยอมรับว่าความพยายามในการออกมาขอโทษและการจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนในพรรคประชาธิปัตย์ อาจสร้างความพึงพอใจในทางสังคมได้ในระดับที่แน่นอนหนึ่ง

กระนั้น อาการกระเพื่อมที่เกิดขึ้นในลักษณะของ “ปริญญ์เอฟเฟค”ยิ่งเกิดขึ้นมากเท่าใด ยิ่งน่าเป็นห่วงเท่านั้น

อย่างน้อยการปรากฏขึ้นของ นายเทพไท เสนพงศ์ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ก็สะท้อนให้เห็นภาพบางภาพ แต่เมื่อประสานกับกรณี ของ นายวิทยา แก้วภราดัย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ก็ยิ่งน่าสงสัย

เนื่องจาก นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แม้จะใกล้ชิดกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่เมื่อจับภาพเรียงเคียงกับ นายวิทยา แก้วภราดัย ภาพของมวลมหาประชาชน “กปปส.”ก็มีความเด่นชัด

จากนี้จึงเริ่มเห็นว่า กลุ่มที่ต้องการเห็นการปรับเปลี่ยนเกิดขึ้นภายในพรรคประชาธิปัตย์มิได้จำกัดแต่เพียงกลุ่มที่นิยม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้น หากแต่ยังมาจากอดีตกปปส.

ความน่ากลัวอย่างยิ่งก็คือ แต่ละคนล้วนเป็น “นักเคลื่อนไหว” แต่ก่อนอาจเคลื่อนไหวต่อปรปักษ์ทางการเมือง “ภายนอก” แต่บัดนี้ปลายหอกเข้าพุ่งเข้าใส่การเมือง “ภายใน”

นี่ย่อมเป็นศึกอันหนักหนาสาหัสต่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์