FootNote:มติสุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม หลอนถึงอภิปราย ไม่ไว้วางใจ
การออกมายืนยันว่าพรรคเศรษฐกิจไทยจะยกมือ “ไว้วางใจ” ต่อ 11 รัฐมนตรีที่ถูกระบุในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีความสำคัญ
สำคัญไม่เพียงเพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น
หากที่สำคัญเป็นอย่างสูงคือการดำรงอยู่ในตำแหน่ง “ผู้จัดการรัฐบาล” ตัวจริงและเสียงจริง และยืนยันสายสัมพันธ์อันแนบแน่นที่มีกับพรรคเศรษฐกิจไทย
น่าสังเกตว่าคนสำคัญในพรรคเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้กำหนด “ธง” ในทางความคิดที่สร้างความหวั่นไหวเป็นอย่างสูงในทางการเมือง
นั่นก็คือ การันตีเพียงชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น ที่จะได้รับการยกมือแสดงความไว้วางใจ ส่วนอีก 10 คนไม่แน่
ความหมายแห่งคำพูดนี้ เมื่อมีการขานรับมาจากพรรคขนาดเล็ก ซึ่งรวมตัวกันอยู่ในนาม “กลุ่ม 16 ส.ส.” ยิ่งสร้างความหวั่นไหลกระทั่งบางรัฐมนตรีถึงกับเก็บ “อาการ” ไม่อยู่
คำถามก็คือ เหตุปัจจัยใดในทางการเมืองที่ก่อให้เกิดความไหวหวั่นอย่างต่อเนื่อง และน่ากลัวเป็นลำดับ
เหตุปัจจัย 1 มาจากสถานการณ์เมื่อเดือนกันยายน 2564 และต่อขยายไปยังสถานการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2564 อันเป็นมูลเชื้อทำ ให้บางส่วนในพรรคพลังประชารัฐกลายมาเป็นพรรคเศรษฐกิจไทย
เหตุปัจจัย 1 มาจากความไม่แน่นอนใน “เสียง” จากกรณี “สุรา ก้าวหน้า” ต่อเนื่องมายังกรณี “สมรสเท่าเทียม”
เนื่องจาก 2 ร่างกฎหมายนี้เสนอโดยพรรคก้าวไกล แต่กลับได้รับเสียงสนับสนุนจากบางส่วนในพรรคร่วมรัฐบาล และโดยเฉพาะจากพรรคเศรษฐกิจไทยจนสามารถผ่านวาระหนึ่งได้
ความไม่แน่นอนในการลงคะแนนเสียงแบบ “สวน” กับมติของ “วิปรัฐบาล” เช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในห้วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาล
และญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจสุดท้าย
คำยืนยันของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อาจเน้นไปยัง 16 เสียงที่อยู่ในความรับผิดชอบของพรรคเศรษฐกิจไทย แต่ทุกอย่างจะเป็นไปตามคำประกาศหรือไม่
ยังต้องดูความเป็นจริงเมื่อมีการลงมติว่าจะดำเนินไปเช่นใด
เยื่อใยและความผูกพันที่พรรคเศรษฐกิจไทยมีต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อาจหนักแน่นและมั่นคง และเป็นหลักประกันได้ในระดับที่แน่นอนหนึ่ง
แต่จะหมายถึงอีก 10 คนที่ตกเป็น “เป้า” หรือไม่ยังเป็นเครื่อง หมายคำถามขนาดใหญ่