FootNote:พื้นที่แห่ง “ความลับ” เหลือน้อย ในพัฒนาการของ “เทคโนโลยี”
ไม่ว่ากรณี “ธุรกิจสีเทา” ไม่ว่ากรณี “ล่อซื้ออธิบดี” สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของ “โซเชียลมีเดีย” อย่างเด่นชัด
ยิ่งกรณี “ปลัดมหาดไทย” ยิ่งแทบไม่มีข้อกังขาในฐานที่มา
ทำไมรายละเอียดของ “ธุรกิจสีเทา” จึงมิได้เริ่มต้นบนพื้นที่ของสื่อเก่าอย่างหนังสือพิมพ์ และโทรทัศน์ ทำไมจึงกลายเป็นการไลฟ์ผ่านกระบวนการของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ทำไมการ “ล่อซื้ออธิบดี” จึงกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ และลงเอยด้วยการจับกุม อย่างชนิดคาหนังคาเขา และตามมาด้วยคำสั่งย้ายด่วนจากนายกรัฐมนตรี
ทำไมการประชุมภายในโครงการอันมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างเป็นรูทีนของแต่ละหน่วยราชการจึงอึกทึกครึกโครม
คำตอบที่ตรงเป้าอย่างที่สุดก็คือ เพราะว่ารายละเอียดของทุกเรื่องราวปรากฏผ่าน “โซเชียล มีเดีย” และจากนั้นสื่อหนังสือพิมพ์ สื่อโทรทัศน์เกาะติด
ตัวอย่างอย่าง “ธุรกิจสีเทา” หรือ “ล่อซื้ออธิบดี” อาจเริ่มต้นในวงแคบ ขณะที่ “ปลัดมหาดไทย” ถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว
ทุกกรณีดำเนินไปในแบบ “ป้อมค่าย” ถูกตีแตกจาก “ภายใน”
อุบัติแห่งข่าวเริ่มต้นจากคนในคนที่อยู่กับกระบวนการทางด้านการข่าว เมื่อพบเห็นและรับฟังแล้ว ไม่อาจที่จะทนรับกับสภาพเช่นนั้นได้ในแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว
หากไม่มีคนในวงการ “ธุรกิจสีเทา” และรวมถึงคนในเครือข่าย การปราบปรามนำข้อมูลออกมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะรู้หรือ
หากไม่มีการร้องเรียนไปยังป.ป.ช.และป.ป.ท.ถึงพฤติกรรมอันไม่ชอบมาพากลของ “อธิบดี” แห่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แจ้งเบาะแสและส่งคลิป ออกมาสื่อจะรู้หรือ
หากไม่มีบรรดาข้าราชการที่นั่งฟังแต่ละคำพูดของ “ปลัดมหาดไทย” แล้วกดบันทึกภาพและเสียง แล้วแจกจ่ายออกไปในแต่เครือข่ายของตนนักการเมืองจะรู้หรือ
ขณะเดียวกัน การนำออกด้าน “โซเชียล มีเดีย” มีความคล่องตัวอย่างที่สุดและรวดเร็วอย่างที่สุด ทุกอย่างจึงปังเปรี้ยง
ยอมรับเถิดว่า นับวัน “ความลับ” จะเหลือเนื้อที่น้อยลงเป็นลำดับ แม้กระทั่งในจีนซึ่งควบคุมสื่ออย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็ยังมีข่าวสารรั่วไหลออกมาอย่างเป็นระบบ
นั่นเพราะการรุกคืบเข้าไปเจาะทะลวงผ่าน “เทคโนโลยี”
อำนาจเบ็ดเสร็จทางการเมืองอาจตีวงจำกัดกรอบตามความต้องการอย่างที่เห็นในจีน เกาหลีเหนือ รัสเซีย
แต่ “เทคโนโลยี” กำลังทำให้เรื่องเช่นนั้นกลายเป็น “อดีต”