FootNote:ผลด้านกลับ ทางการเมือง กรณี โจมตี “กลุ่มเส้นด้าย”
เป้าหมายในการงัดเอา “เส้นด้าย” มาเปิดโปงและโจมตี ปลายหอกนี้ต้องการพุ่งเข้าใส่ยอดอกของฝ่ายใด เหมือนกับจะเป็นเบอร์ 8 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ขณะเดียวกัน ก็เหมือนกับจะเป็นเบอร์ 1 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร
เนื่องจากมีภาพของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในชุดขาวเรียบร้อยเดินขนาบข้างไว้ด้วยเจ้าหน้าที่ของ “เส้นด้าย” รายรอบด้วยความคึกคัก
เท่ากับแสดงให้เห็นสายสัมพันธ์อัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มีอยู่กับการทำงานของ “กลุ่มเส้นด้าย”อย่างแนบแน่น
ยิ่งกว่านั้นหากมองดูการนำเอาโครงสร้างการเกิดขึ้นของกลุ่ม “เส้นด้าย”มาพิจารณาตามที่ได้มีการเปิดโปง ปรากฏว่ามีรากฐานมาจากพรรคอนาคตใหม่และต่อเนื่องถึงพรรคก้าวไกล
เพราะว่าตัวใหญ่ของ “กลุ่มเส้นด้าย” เคยสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.กรุงเทพมหานคร ในสังกัดพรรคอนาคตใหม่ เพียงแต่ไม่ได้รับเลือกเท่านั้นเอง
และยิ่งตรวจสอบรายชื่อผู้สมัครส.ส.ในสังกัดพรรคก้าวไกลก็ปรากฏว่าล้วนเคยทำงานกับ “กลุ่มเส้นด้าย”ตั้งแต่แรกตั้ง
การขุดคุ้ยโครงสร้างของ “กลุ่มเส้นด้าย” แล้วโยงเข้าหานายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จึงกลายเป็นคำถามว่าต้องการอะไรกันแน่ในทางการเมือง
หากประเมินจากท่าทีของ “เพจ” ที่จุดประเด็นในเรื่องนี้ต้องการด้อยค่า ต้องการดิสเครดิตอย่างเด่นชัด
ต่อความสัมพันธ์กับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อาจไม่มากนัก เนื่องจากมิได้มีอะไรมากไปกว่าการเคยถ่ายรูปด้วยกัน แต่กับนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร มีความซับซ้อน
เป็นความซับซ้อนในเชิงโจมตีและด้อยค่าอย่างแน่นอนเนื่องจากโยงให้เห็นว่ากลุ่มผู้สมัครส.ก.ของพรรคก้าวไกล แอบอิงอยู่กับชื่อเสียงและความสำเร็จของ “กลุ่มเส้นด้าย”
จึงแทนที่จะทำให้กระทบกระเทือนต่อคะแนนของพรรคก้าวไกล ตรงกันข้าม กลับยิ่งทำให้ชาวบ้านเพ่งความสนใจไป
การณ์ที่กลายเป็นในทางบวกมากกว่าทางลบ เนื่องจากชื่อเสียง ของ “กลุ่มเส้นด้าย” นับแต่การแพร่ระบาดของโควิดในเดือนมกราคม 2563 เป็นต้นมา เป็นชื่อเสียงในด้านดี
ใครก็ตามที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ “เส้นด้าย”ย่อมเป็นคนดี
จึงแทนที่จะเป็นการด้อยค่าหรือดิสเครดิตกลับทำให้เพิ่มคะแนนและความนิยมมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะต่อ “วิโรจน์” ไม่ว่าจะต่อ “ชัชชาติ”ก็ตาม