FootNote:ปัญหาภายในประชาธิปัตย์ กับแนวโน้มในการปรับครม.

มีการขยับเล็กๆภายในพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปรากฏข่าว นายนราพัฒน์ แก้วทอง จะได้รับการเสนอชื่อให้เข้าดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีในโควตาของพรรคประชาธิปัตย์

แม้ข่าวนี้ยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากยังมิได้รับการรับรองจากนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

กระนั้น จังหวะก้าวนี้ย่อมเป็น “สัญญาณ” แห่งการปรับครม.

เด่นชัดยิ่งว่า เหตุผลของการปรับครม. 1 เพื่อปรับขบวนภาย ในของพรรคประชาธิปัตย์ ขณะเดียวกัน 1 เพื่อตระเตรียมเข้าสู่กระบวนการแห่ง “การเลือกตั้ง” หนักแน่นมากยิ่งขึ้น

เนื่องจาก นายนราพัฒน์ แก้วทอง ดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรค และรับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือ เนื่องจากเมื่อ นายนราพัฒน์ แก้วทอง เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีก็ต้องลาจาก ส.ส.

และเนื่องจาก นายนราพัฒน์ แก้วทอง เป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ การลาออกจึงหมายถึงโอกาสในการเลื่อนลำดับต่อไป นั่นก็คือ นายเจือ ราชสีห์ แห่งจังหวัดสงขลา

นี่คือความพยายามประนอมประโยชน์ เนื่องจากมีแนวโน้มว่า นายเจือ ราชสีห์ อาจไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ

เป็นการประนอมประโยชน์ผ่านกระบวนการ “ปรับครม.”

เหตุปัจจัยอะไรทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่ขยับรับข้อ เสนอจากพรรคประชาธิปัตย์ นั่นเพราะเกรงว่าหากขานรับพรรคประชาธิปัตย์ก็ย่อมจะมีพรรคอื่นเรียกร้องเช่นเดียวกัน

โดยเฉพาะโควตารัฐมนตรี 2 ตำแหน่งของพรรคพลังประชารัฐที่ว่างลงตั้งแต่เดือนกันยายน 2564

นั่นก็คือ การปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการปลด นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน

ความหวาดเสียวอย่างยิ่งเพราะพรรคประชาธิปัตย์มิได้ต้อง การ 2 ตำแหน่งนี้ หากแต่ทำท่าว่าอาจจะหมายปองไปยังตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

นั่นก็คือ ความพยายามผลักดัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าไปแทนที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในที่สุด

สถานการณ์ปรับครม.จึงมีความร้อนแรงเป็นอย่างสูง แม้พรรคประชาธิปัตย์ต้องการเพียงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ปมเงื่อนอยู่ที่ความปรารถนาที่ฝังลึกของ “พลังประชารัฐ”

นี่คือความหวั่นเกรงที่ดำรงอยู่ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

และหวาดเสียวต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการไปต่อ