FootNote:ปฏิบัติการ #ปลดอาวุธคสช. กับ จุดยืนของประชาธิปัตย์
การบรรจุร่างพรบ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
เหมือนกับจะพุ่งเป้าไปยัง ‘คณะรักษาความสงบแห่งชาติ’ เหมือนกับจะพุ่งเป้าไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่ความจริงแล้วมีผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งในทางการเมือง
เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นร่างพรบ.อันมีพื้นฐานมาจากการเคลื่อนไหวของ ‘ไอ-ลอว์’ โดยมีรากฐานมาจากความเห็นชอบร่วม ของประชาชนเท่านั้น
หากที่สำคัญยังเป็นเป้าหมาย ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ได้กำหนดไว้เป็นนโยบาย และสืบทอดมาเป็นของพรรคก้าวไกล แม้จะมิอาจดำเนินไปได้ด้วยความราบรื่นก็ตาม
การเข้ามาของร่าง ‘ประชาชน’ จึงเป็นการถอดสลักเปิดประตู
เปิดประตูเข้าชนกับรัฐบาลอันไม่เพียงมีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนกลาง หากแต่ยังมีพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นองค์ประกอบสำคัญ
กล่าวสำหรับพรรคพลังประชารัฐ สังคมอาจมิได้คาดหวังมากนัก เพราะถือว่าเป็นพรรคของคสช.ที่มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้ามากำกับและดู
ขณะเดียวกัน พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา สังคมก็มิได้ฝากความหวังในเรื่องของประชาธิปไตยเท่าใด
ตรงกันข้าม พรรคประชาธิปัตย์ต่างหากที่จะกลายเป็น ‘เป้า’
ทั้งนี้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันในความเป็น ‘สถาบัน’ ทางการเมือง และประกาศแนวทางการสร้าง ‘ประชาธิปไตยสุจริต’ เข้ามาแทนที่ประชาธิปไตย ‘ทุจริต’
การปรากฏขึ้นของร่างพรบ.ที่เรียกว่า #ปลดอาวุธคสช. หรือรื้อ ‘ระบอบประยุทธ์’ จึงท้าทายมโนธรรมสำนึกของพรรคประชาธิปัตย์
การมีมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนซึ่งเสนอโดย ‘รี-โซลูชั่น’ สะท้อนการยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับ ‘ระบอบประยุทธ์’ อย่างเด่นชัดมาแล้ว การปรากฏขึ้นของปฏิบัติการ#ปลดอาวุธคสช.จึงสำคัญ
สำคัญต่อจุดยืนและแนวทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์
หากครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังเลือกที่จะเดินแนวทางเดียวกัน กับพรรคพลังประชารัฐอันเป็นแนวทางเดียวกับคสช.
เท่ากับ ‘ประชาธิปัตย์’ ได้อยู่กับ ‘ระบอบประยุทธ์’ โดยสมบูรณ์