FootNote:บทบาท ประวิตร ฟุตบอลโลก สุดยอด บารมี ทาง “การเมือง”
ยิ่งการดีลระหว่างไทยกับฟีฟ่าในเรื่อง “ฟุตบอลโลก” มากด้วยปัญหาอุปสรรคและขวากหนามมากเพียงใด ยิ่งทำให้บทบาทของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดดเด่น
เพราะในท่ามกลางอุปสรรคและขวากหนามนั้นคนที่มาสรุปและแก้ไขคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ไม่ว่าจะมองผ่านงบประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งได้มาจากกสทช. ไม่ว่าจะมองผ่านการบริจาค ในส่วนที่เหลือจนบรรลุเป้าหมายโดยภาคเอกชน
นั่นก็คือความสามารถในการบริหารจัดการจนสำเร็จได้เรียบร้อย ผลก็คือคอบอลในเมืองไทย ได้ติดตามความตื่นเต้นของฟุตบอลโลกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
ผลงานจากกรณี “ฟุตบอลโลก” จึงเป็นภาพเด่นของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยไม่จำเป็นต้องสวมยีนส์เดินสาย หากเพียงแต่ยกหูโทรศัพท์ทุกอย่างก็เรียบร้อย
นี่มิได้สะท้อนถึงความกว้างขวางในวงกีฬา และในวงธุรกิจภาคเอกชนอย่างที่รับรู้กันมาตลอดประการเดียว
หากแต่ตอกย้ำถึงการขับเคลื่อนทางการเมืองนับแต่ปี 2557
ต้องยอมรับว่าความสำเร็จของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าในทางการทหาร ไม่ว่าในทางการเมืองมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร่วมอยู่ด้วยตลอดสองรายทาง
แม้กระทั่งการจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สืบทอดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562
อาจกล่าวได้ว่าการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดำเนินมากระทั่งทุกวันนี้ของพรรคพลังประชารัฐ ก็ด้วยบารมีและเครือข่ายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเด่นชัด
ข้อเรียกร้องจากภายในพรรคที่ต้องการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อยู่ในฐานะ 1 ใน 3 ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจึงได้เกิดขึ้น
กระทั่งกลายเป็นคำถามอันแหลมคมในทางการเมือง กลายเป็นประเด็นที่กระเทือนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยตรง
นั่นก็คือ จะยอมรับเห็นด้วยหรือจะปฏิเสธ ไม่เห็นด้วย
รูปธรรมจากความสำเร็จในการบริหารจัดการ ด้วยการคลี่คายอุปสรรคและปัญหาจากกรณี “ฟุตบอลโลก” จึงเป็นอีกรูปธรรมหนึ่ง ซึ่งตอกย้ำตัวตนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ไม่ว่าในฐานะอยู่ “เบื้องหลัง” หรือออก “นำหน้า”
กลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในทางการเมืองหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำเป็นต้องถอยออก โดยมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเดิมพัน
นี่คือโจทย์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำเป็นต้องขบคิด