FootNote:บทบาท ข้อมูล “ธุรกิจสีเทา” ได้กลายเป็น สมบัติ “สังคม”
คล้ายกับเมื่อรายละเอียดของ “ข้อมูล” อันนำเสนออย่างต่อเนื่องโดย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ในเรื่อง “ธุรกิจสีเทา” เมื่อตกถึงมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บทจบก็เดินทางมาถึง
ความเชื่อมั่นหนึ่งของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นเช่นนั้น แต่ก็เป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” มิใช่ทั้งหมด
ปัจจัยหนึ่งที่น่าจะ “เตือน” นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เป็นอย่างดี น่าจะเป็นข้อเสนอจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้นำเรื่องเสนอผ่านสำนักงานจเรตำรวจอย่างเป็นระบบ
งานของจเรตำรวจเป็นอย่างไร หากติดตามถึงบทสรุปของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก่อนหน้านี้ไม่นาน ก็จะรับรู้ว่าท่าทีและการ ประเมินของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นอย่างไร
ในที่สุดแล้วเมื่อกรณีของ “ธุรกิจสีเทา” เข้าสู่ระบบและความเคยชินแห่งระบบ ที่ดำรงอยู่อย่างยาวนานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเข้าสู่วงจรที่ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก
ความมั่นใจของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จากที่ได้มาระหว่างการเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 9 มกราคม ก็จะลดถ้อยถอยลงเป็นลำดับ
คำถามก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เล่นบทอะไร
หากฟังจากน้ำเสียงของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เด่นชัดยิ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงบทบาทของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อย่างเต็มเปี่ยม
เพียงแต่วันและเวลาแห่งการพบเป็นบทบาท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังอีเว้นท์ “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ”
ขณะเดียวกัน หากทุกอย่างดำเนินไปเหมือนกับพังเพยโบราณที่ว่า “เต่าใหญ่ ไข่กลบ” ทุกอย่างหยุดชะงักไม่มีอะไรคืบหน้า ในทางเป็นจริงจะเป็นไปได้มากเพียงใด
ตามความเคยชินเดิมเมื่อเรื่องดังอึกทึกครึกโครมระยะหนึ่ง ก็จเดินเข้าสู่ทางตัน เนื่องจากแต่ละอย่างเข้าลักษณะลูบหน้าปะจมูก ไม่สามารถจัดการได้อย่างชนิดเถรตรง
ไม่ว่าข้อสงสัยต่อบทบาทของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ไม่ว่าข้อกังขาต่อการตัดสินใจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กระนั้น ความเป็นจริงหนึ่งที่ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และทั้ง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มิอาจปฏิเสธ มิอาจไม่ยอมรับต่อวิถีแห่ง “ธุรกิจสีเทา” ได้อย่างเด็ดขาด
นั่นก็คือ กรณี “ธุรกิจสีเทา” ได้มีชีวิตและมีเส้นทางของตน
นั่นก็คือ หลังจาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้นำแต่ละรายละเอียดออกมาเสนอต่อสาธารณะอย่างเป็นระบบ สิ่งนี้ก็ได้กลายเป็นความรับผิดชอบร่วมในทางสังคม
สังคมต่างหากที่จะเฝ้าดูติดตามและประเมินผลใกล้ชิด