FootNote:ธรรมชาติ ความขัดแย้ง ภายในกับอำนาจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ถึงแม้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเคลื่อนไหวผ่าน “จดหมาย”รวมแล้ว 5 ฉบับต่อเนื่องกัน สะท้อนถึงรากฐานการแยกทางกันกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

กระนั้น ก็ยังมีความเชื่อเป็นอย่างสูงว่า เป็นการแยกกันในทาง “ยุทธวิธี” ขณะที่ “ยุทธศาสตร์” ยังเหมือนเดิม

นั่นก็คือ ดำเนินไปในแบบ “แยกกันเดิน” แล้ว “รวมกันตี”

การเกิดขึ้นของพรรครวมไทยสร้างชาติ การออกจากสถานะแห่ง“แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา ดำเนินไปในลักษณะ “ลับ ลวง พราง”

ในที่สุดแล้ว เมื่อถึงคราวคับขัน มีความจำเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ต้องร่วมมือกันเพื่อเป็นหลักประกันแห่งอำนาจในทางการเมือง

ความหวังใดที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็นความเห็นต่าง ในเรื่องของแนวทางในการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดบางประ การในเรื่องการบริหารก็เสมอเป็นเพียงรูปแบบ

ตั้งแต่เรื่องบัตรคนจนคนละ 700 ไปยังคนละ 1,000 หรือแม้กระทั่งเรื่องการจัดระบบเลขาธิการ ศอ.บต.

ถึงอย่างไรก็มิได้ “ขัดแย้ง”ในลักษณะที่มีความ “แตกแยก”

ต้องยอมรับว่าภายในความสัมพันธ์มีความแตกแยกดำรงอยู่ ไม่ว่าในเรื่องของคน ไม่ว่าในเรื่องขององค์กร ใครที่เล่นเกมบนฐานแห่งความขัดแย้งจะปฏิเสธสัจจะนี้มิได้อย่างเด็ดขาด

หากจับกระบวนการขัดแย้งตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน 2564 เป็นต้นมาก็จะสัมผัสได้ในความเป็นจริงอันไม่พึงประสงค์

เป็นความจริงที่ในความสัมพันธ์อันดำรงอยู่ภายในกลไกแห่ง อำนาจรัฐดำเนินไปในลักษณะของแย่งชิงความได้เปรียบระหว่าง กันและกัน

ก่อให้เกิดการแยกขั้วระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เลือกที่จะอยู่กับฝ่ายแรกและห่างออกต่างหากกับฝ่ายหลัง

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็แยกตัวไปสร้างขุมพลังใหม่ผ่านพรรครวมไทยสร้างชาติ

รากฐานการเติบใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติดำรงอยู่บนฐาน แห่งการแย่งชิงกำลัง ไม่เพียงแต่จากพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น ยัง เป็นพรรคประชาธิปัตย์

ก่อให้ความขัดแย้งดำเนินไปในลักษณะ “ขยายวง” กว้างขึ้น

เหมือนกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเชื่อว่าสภาพการณ์ เช่นนี้จะสามารถควบคุมได้ ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มิได้เห็นด้วย