FootNote:ทบทวน สังเคราะห์ ประเมิน บทบาท ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

ไม่ว่าจะชอบ ไม่ว่าจะชัง แต่เมื่อมาถึง ณ เวลานี้ สังคมมีความจำ เป็นต้องยกเอากรณีของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มาทบทวนและทำ ความเข้าใจอย่างจริงจัง

ไม่ว่าจะในรายละเอียดของแต่ละการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเรียนรู้ถึงรากฐานว่าสำเร็จหรือว่าล้มเหลว

ทำไมบทบาทในฐานะ “ปัจเจก” จึงสร้าง “ความหมาย” ขึ้นได้

เพราะหากว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ สามารถทะลวงฝ่าทุกปราการที่เข้ามาขวางกั้นไปได้ และดำรงความมุ่งหมายของตนได้อย่างมั่นคงนั่นแหละที่สำคัญ

ไม่เพียงสำคัญต่อแต่ละพรรคการเมือง ที่ถูกวาดรวมเข้ามาเกี่ยวข้อง หากที่แหลมคมมากยิ่งกว่านั้น ยังเป็นการทำความเข้าใจและการประเมินผล

มีแนวโน้มว่ากระบวนท่าของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อาจเป็นช่องทางและกลายเป็นแบบอย่างที่หลายๆ คนต้องการสร้างตัวตนของตน ให้เป็นเหมือนอย่างที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ทำได้

กระนั้น ก็มิได้หมายความว่ากระบวนท่าในแบบของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะสามารถลอกเลียนได้อย่างง่ายดาย

นั่นก็ขึ้นอยู่กับการยืนหยัดต่อ “แนวทาง” อย่างซื่อสัตย์ มั่นคง

ต้องยอมรับว่าสถานะทางสังคม ความเชื่อถือทางการเมืองที่ราย ล้อมอยู่โดยรอบ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มิได้เกิดขึ้นภายในชั่วข้ามคืน หากแต่ผ่านการเคี่ยวกรำ

องค์ประกอบหนึ่งคือความพร้อมในทางเศรษฐกิจ องค์ประกอบหนึ่งคือการสะสมคะแนนและความนิยม

หากไม่พร้อมในทางเศรษฐกิจก็ต้องแบมือขอรอบทิศ

การแบมือขอนั่นแหละทำให้เกิดการต่อรองและเป็นช่องทาง เข้ามาครอบงำของพลังที่มีเศรษฐกิจเหนือกว่า ทำให้ไม่สามารถดำรงจุดมุ่งหมายได้อย่างแน่วแน่

กระนั้น ปัจจัยที่สำคัญยังเป็นความจัดเจน ความเข้าใจต่อสภาพการณ์ในทางการเมืองและในทางสังคม การสั่งสมเครดิต และสร้างความน่าเชื่อถือ

การกุมหัวใจ “สังคม” การกุมหัวใจ “สื่อ” จึงต้องประณีตงาม

ไม่ว่าจะเป็นการทะลวงเข้าไปยัง “ธุรกิจสีเทา” ไม่ว่าจะเป็นการรุก เข้าไปกำหนดทิศทางในทางการเมือง เพื่อส่งผลสะเทือนต่อการเลือกตั้งมิใช่ว่าดำเนินไปด้วยความราบรื่น

อุปสรรคและการเข้ามาสกัดขัดขวางเกิดขึ้นสองรายทาง

บรรดาตัวละครที่ปรากฏขึ้นมาและแม้กระทั่งการใช้กลไกแห่งอำนาจรัฐ เพื่อโต้กลับกำลังกลายเป็นหินลองทอง พิสูจน์ทั้งการยืนหยัดและความเป็นประชาธิปไตยในสังคมไทย

โดยมีบทบาท นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นเครื่องทดสอบ