FootNote:จังหวะรวมไทยสร้างชาติสะดุด กับภาพลักษณ์ แรมโบ้ เสกสกล
หากเทียบกับการเริ่มต้นพรรคพลังประชารัฐเมื่อเดือนเมษายน 2561 กับการขยับขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติในเดือนกุมภาพันธ์ 2565
ต้องยอมรับว่ามากด้วยความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นจังหวะก้าว ไม่ว่าจะเป็นการไหวเคลื่อนผ่านตัวบุคคล
การขยับของพรรคพลังประชารัฐ มิได้มีแต่การเดินเข้าทำเนียบรัฐบาลของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หากแต่ยังมี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายพุทธพงษ์ ปุณณกันต์
เป็นการประสานอย่างมากด้วย “วิสัยทัศน์” จาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่สะสมความจัดเจนตั้งแต่ยุคแห่งการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ด้วยความเห็นชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
น่าสนใจก็ตรงที่สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ กำลังหลักวางความไว้เนื้อเชื่อใจอยู่ที่ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ซึ่งแม้จะเติบใหญ่มาจากพรรคไทยรักไทยและการเคลื่อนไหวของ “คนเสื้อแดง”
กระนั้น หากเทียบปอนด์ต่อปอนด์ หมัดต่อหมัด ก็ยังห่างชั้นจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นอย่างมาก
ต้องยอมรับว่า ชื่อและชั้นทางการเมืองของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เทียบได้ไม่เพียงแต่กับ นายทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น หากแม้กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ต่างระนาบ
เห็นได้จากแม้จะอำลาไปจากวงการแล้ว แต่พรรคสร้างอนาคตไทยของ นายอุตตม สาวนายน ก็กล่าวถึงอย่างไม่ขาดสาย
นี่ย่อมตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ทางการเมืองของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเมื่อเคลื่อนไหวร่วมขบวนกับ “คนเสื้อแดง” กระทั่งมาร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
บทบาทของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก กับอดีตผู้นำเสื้อแดงในแบบ นายอานนท์ แสนน่าน
ยิ่งหากมีการ “ผวน” ชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ยิ่งเป็นคำตอบ
การขยับและพลิกฟื้นบทบาทของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นหมากในทางการเมืองอย่างแน่นอน แต่เมื่อเป็นการเริ่มต้นจากระดับเจ้าของบทเพลง “กตัญญูทักษิณ” คนอื่นๆที่จะตามมาดูขัดเขิน
ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยชื่อ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่จะเข้าดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือคนอื่นๆก็ตาม
ในเมื่อ “หัวราชสีห์” เป็นระดับ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ เสียแล้ว