FootNote:การชิง "การนำ" ใน "พันธมิตร" ก่อนจะเป็น "บันทึกช่วยจำ" มา

Home » FootNote:การชิง "การนำ" ใน "พันธมิตร" ก่อนจะเป็น "บันทึกช่วยจำ" มา


FootNote:การชิง "การนำ" ใน "พันธมิตร" ก่อนจะเป็น "บันทึกช่วยจำ" มา

FootNote:การชิง “การนำ” ใน “พันธมิตร” ก่อนจะเป็น “บันทึกช่วยจำ” มา

ไม่ว่ามองผ่านปฎิกิริยาอันสะท้อนมาจาก #มีกรณ์ไม่มีกู ไม่ว่ามอง ผ่านปฏิกิริยาอันสะท้อนมาจากการต่อรองในเรื่องการจัดทำ “บันทึกช่วยจำ” หรือ MOU ก่อนประกาศในวันที่ 22 พฤษภาคม

ล้วนสะท้อนให้เป็นการปะทะ ไม่เพียงแต่ต่อปัจจัยจาก “ภายนอก” หากเด่นชัดยิ่งว่าดำรงอยู่แม้กระทั่ง “ภายใน”

ภายนอกอันเป็นกลไกจากกฎกติกา ซึ่งบัญญัติอยู่ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 โดยเฉพาะข้อกำหนดแห่งมาตรา 272 ในบทเฉพาะกาลถึงอำนาจของสมาชิกวุฒิสภา

เฉพาะหน้าอาจฉายผ่านการดำรงอยู่ของพรรคชาติพัฒนากล้า อาจฉายผ่านความพยายามของพรรคก้าวไกล ในความจำเป็นที่จะต้องสร้าง “คณิตศาสตร์” ทางการเมืองเพื่อต่อสู้

กระนั้นภายในความพยายามนี้ ก็แตะเข้าไปยังพรรคชาติพัฒนากล้า ซึ่งไม่เพียงแต่เคยร่วมในการขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากแต่ยังมีองค์ประกอบอันซับซ้อน

เป็นองค์ประกอบตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

เป็นผลสะเทือนเดียวกันกับกรณีของ “บันทึกช่วยจำ”

ความเห็น “ต่าง” ในระหว่างการจัดทำ “บันทึกช่วยจำ” ก่อนประกาศในวันที่ 22 พฤษภาคม แต่ละจังหวะก้าวล้วนสะท้อนให้เห็นความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ “ภายใน” ของพันธมิตรแห่งแนวร่วม

ตั้งแต่ปัญหาในเรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กระทั่งแต่ละนโยบายที่ปรากฏระหว่างการหาเสียง

พรรคเพื่อไทยก็มีเจตจำนงอันเป็นของตน พรรคประชาชาติก็มีเจตจำนงอันเป็นของตน พรรคไทยสร้างไทยก็มีเจตจำนงอันเป็นของตน พรรคเป็นธรรมก็มีเจตจำนงอันเป็นของตน

ก่อนเกิดการหลอมรวมในทางความคิดเพื่อนำไปสู่การสร้างจุดร่วมผ่าน “บันทึกช่วยจำ” ย่อมมีการต่อสู้ ยืนยันเจตจำนงในทางอัตวิสัยแห่งพรรคการเมืองของตน

เพราะว่าแต่ละพรรคการเมืองล้วนมี “เป้าหมาย” ล้วนมีความต้องการ ล้วนมีผลประโยชน์อันแน่วแน่และแจ่มชัด

ยอมรับเถิดว่าประดิษฐ์กรรมว่าด้วย “บันทึกช่วยจำ” เป็นเรื่องใหม่ อย่างยิ่งในแวดวงการเมืองไทย ยอมรับเถิดว่าสถานะของพรรคก้าวไกล ก็มิได้ดำรงอยู่อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

การต่อรอง การช่วงชิง “การนำ” จึงแสดงออกมาพร้อมหน้า

ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคประชาชาติ ไม่ว่าพรรคไทยสร้างไทย ไม่ว่าพรรคเสรีรวมไทย ไม่ว่าพรรคเป็นธรรม ล้วนต้องการชิงความได้เปรียบมาเป็นของตน

นี่คือความท้าทายเป็นอย่างสูงภายใน “ความใหม่” ของพรรคก้าวไกล

นี่คือ ประสบการณ์ที่พรรคก้าวไกลจำเป็นต้องเรียนรู้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ