FootNote:สถานะ ของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในจุด เป็น “ตัวชี้วัด” การเมือง

ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการในโครงการรถไฟฟ้า “สายสีเขียว” ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการในโครงการจัดระเบียบ “ขยะสายไฟ” ที่กลายเป็นมลภาวะทางสายตา

กำลังทดสอบความสามารถในการ “บริหาร” และ “จัดการ” อันแหลมคมยิ่ง ทั้งในทางการบริหารและในทางการเมือง

ต้องยอมรับว่า ทั้งปัญหาอันเนื่องแต่โครงการรถไฟฟ้า “สายสีเขียว” ทั้งโครงการจัดระเบียบ “ขยะสายไฟ” มิได้เป็นเรื่องใหม่ หากแต่เกิดขึ้นและดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน

เพียงแต่มาเกิดปัญหาขึ้นในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และทวีความร้อนแรงเป็นอย่างมากในยุคที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้รับเลือกเข้ามาเป็น “ผู้ว่าฯกทม.”

น่าสังเกตว่ายุคก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม คล้ายกับทั้ง 2 ปัญหาแม้จะดำรงอยู่ แต่ก็ได้รับการกลบเกลื่อนเสมือนกับไม่มีปัญหา

จึงอาจกล่าวได้ว่าการดำรงตำแหน่งเป็น “ผู้ว่าฯกทม.” ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คือจุดเริ่มต้น เนื่องจากการไม่ยอมให้ปัญหาดำรงอยู่ในลักษณะคาราคาซัง

ความขยันอย่างขันแข็งบนพื้นฐาน ทำงาน ทำงาน ทำงาน ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงกลายเป็นโจทย์

โจทย์ในทางธุรกิจและโจทย์ในทางบริหารจัดการนี้ จึงกลายเป็นคำถามอันร้อนแรง ไม่เพียงแต่ต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หากแต่ยังต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี

ลำพังการปล่อยให้ปัญหานี้ดำรงอยู่อย่างคาราคาซังในลักษณะยืดเยื้อก็กลายเป็น “คำถาม” อยู่แล้ว

การโยนปัญหาให้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยังเท่ากับเป็นการท้าทาย และทดสอบวิธีวิทยาแห่งการบริหารจัดการอย่างมีนัยสำคัญ

เป็นการท้าทายต่อศักยภาพของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันยังเท่ากับเป็นการท้าทายต่อศักยภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้พ้น

คำถามก็คือทำไม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงไม่จัดการ

มีความเชื่อโดยพื้นฐานตั้งแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มาแล้วว่า การดำรงอยู่ในสถานะแห่งรัฐบาล จะสามารถสร้างผลงานและเสริมคะแนนความนิยม

จึงได้ “รัฐธรรมนูญ” ช้า จึงได้ “เลือกตั้ง” ช้าในเชิง “ทอดยาว”

แต่ภายหลังจากการปรากฏขึ้นของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็ไม่แน่ว่าการเล็งผลเลิศเช่นนั้นจะเป็นผลดีหรือผลร้าย

พลานุภาพ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กำลังแปรเป็น “ตัวชี้วัด”