วันที่ 3 ต.ค. 2567 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ว่า หน่วยข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ ซีไอเอ (CIA) ได้เริ่มดำเนินการใหม่ในการ สรรหาผู้ให้ข้อมูลในจีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ (สายข่าว)

โดย ซีไอเอ (CIA) ได้โพสต์ข้อความบนบัญชีโซเชียลมีเดียเป็นภาษาจีนกลาง ภาษาเปอร์เซีย และภาษาเกาหลี ในการรับสมัคร โดยแนะนำผู้ใช้ถึงวิธีการติดต่ออย่างปลอดภัย ซึ่งถูกวางไว้บนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น X, Facebook, YouTube, Instagram, Telegram และ LinkedIn รวมถึงบนเว็บมืด ต่างขอชื่อ สถานที่ตั้ง และรายละเอียดการติดต่อของบุคคลนั้นๆ

“เราต้องการให้แน่ใจว่าบุคคลในระบอบอำนาจนิยมอื่นๆ รู้ว่าเรายินดีทำธุรกิจ” โฆษกซีไอเอ กล่าวในแถลงการณ์

คำแนะนำโดยละเอียดแนะนำให้ผู้ใช้ติดต่อ ซีไอเอ (CIA) ผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการโดยใช้เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) ที่เข้ารหัสและเชื่อถือได้ หรือเว็บเบราว์เซอร์ที่ไม่เปิดเผยตัวตนที่เรียกว่าเครือข่าย Tor ซึ่งมักใช้ในการเข้าถึงเว็บมืด

“ผมจำไม่ได้เลยว่ามีความพยายามในการสรรหาบุคลากรในรูปแบบนี้ โดยใช้ YouTube หรือโซเชียลมีเดียในลักษณะนี้ อย่างน้อยก็ในภาษาเกาหลี” เมสัน ริชีย์ รองศาสตราจารย์สาขาการเมืองระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยฮันกุกด้านการศึกษานานาชาติในกรุงโซลกล่าว

และได้กล่าวต่อว่า “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอิงตามความสำเร็จที่ทำได้ในประเทศรัสเซีย แต่ผมสงสัยว่าวิธีนี้จะได้ผลจริงหรือไม่ เพราะชาวเกาหลีเหนือส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้”

สหรัฐอเมริกาอาจมุ่งเป้าไปที่พ่อค้าชาวเกาหลีเหนือ ที่ข้ามพรมแดนกับจีนอย่างไม่เป็นทางการและอาจสามารถเข้าถึงเครือข่าย VPN ได้ หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ถือว่าเกาหลีเหนือ อิหร่าน และจีนเป็น “เป้าหมายยาก” เมื่อต้องรวบรวมข่าวกรอง เนื่องมาจากมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดซึ่งทุกประเทศใช้เพื่อปราบปรามผู้เห็นต่าง

“ความพยายามนี้เป็นเพียงวิธีเดียวที่ CIA กำลังปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมระดับโลกใหม่ที่มีการปราบปรามและการเฝ้าติดตามจากรัฐเพิ่มมากขึ้น” แถลงการณ์ของหน่วยข่าวกรองระบุต่อ แต่ศาสตราจารย์ริชีย์ตั้งคำถามถึงคุณค่าของข้อมูลข่าวกรองใดๆ ที่แคมเปญอาจรวบรวมได้

ผมคิดว่าคุณต้องคิดว่า CIA รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่คุณก็สงสัยว่าคนที่ไม่พอใจเหล่านี้มีจำนวนมากเพียงใดที่อยู่ใกล้ชิดกับอำนาจและใกล้กับสถานที่ที่ต้องตัดสินใจที่สำคัญ อย่างน้อยที่สุด มันก็ช่วยสร้างความขัดแย้งให้กับปฏิบัติการข่าวกรองเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ได้รับกำลังใจจากความพยายามในรัสเซีย และเชื่อมั่นว่าจะสามารถติดต่อประชาชนที่ไม่พอใจจำนวนมากพอที่เต็มใจจะติดต่อพวกเขาด้วยข้อมูลที่มีประโยชน์

“มีผู้คนมากมายที่สามารถเข้าถึงข้อมูลและไม่ได้รับผลกระทบจากระบอบการปกครองของสี จิ้นผิงในจีน” เดวิด โคเฮน รองผู้อำนวยการซีไอเอ กล่าวกับบลูมเบิร์ก

“คุณมีคนในนั้นที่… มีแรงจูงใจที่แตกต่างกันมากมาย โดยพื้นฐานแล้วไม่ชอบทิศทางที่สี จิ้นผิงกำลังนำประเทศไป และเข้าใจว่ามีเส้นทางที่จะช่วยประเทศของตนเองได้โดยทำงานร่วมกับเรา” เขากล่าวเสริม

หลิว เผิงหยู โฆษกสถานทูตจีน กล่าวว่าสหรัฐฯ กำลังดำเนินการรณรงค์เผยแพร่ข้อมูลเท็จต่อจีนอย่าง เป็นระบบและมีการจัดระเบียบ

หลิว เผิงหยู กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ความพยายามใดๆ ที่จะสร้างความแตกแยกระหว่างชาวจีนและพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือทำลายความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างพวกเขา จะต้องล้มเหลวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

ในการเผยแพร่แคมเปญในระดับนี้ในประเทศต่างๆ ดร. ริชีย์กล่าวว่าสหรัฐฯ แสดงให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่ามองเห็นความท้าทายด้านความมั่นคงแห่งชาติของตนอย่างไร

ศาสตราจารย์ริชีย์ กล่าว ขณะนี้สหรัฐฯ เชื่อมั่นว่าไม่ได้กำลังเผชิญหน้าแค่กับจีน รัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือเท่านั้น แต่ยังเผชิญหน้ากับกลุ่มประเทศที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ด้วย ศาสตราจารย์ริชีย์ กล่าว