"Butterfly Trek Madone" : จักรยานราคา 15 ล้านบาท ที่องค์กรรักสัตว์เรียก "ผลงานพวกป่าเถื่อน"

Home » "Butterfly Trek Madone" : จักรยานราคา 15 ล้านบาท ที่องค์กรรักสัตว์เรียก "ผลงานพวกป่าเถื่อน"

คุณคิดว่าจักรยาน 1 คันจะสามารถแพงได้มากที่สุดแค่ไหน? ทุกคนคงจะมีคิดต่างกันออกไป แต่คำตอบที่แท้จริงคือ 15 ล้านบาท

Butterfly Trek Madone คือชื่อของจักรยานที่เรากล่าวถึง ซึ่งมีความพิเศษมากมาย ทั้งมีคันเดียวในโลก, ถูกออกแบบในฐานะผลงานศิลปะ, เคยผ่านการแข่งขันรายการ ตูร์ เดอ ฟรองซ์ และถูกขี่โดย แลนซ์ อาร์มสตรอง 

ด้วยเรื่องราวและความสวยงาม ทำให้ราคาของจักรยานคันนี้ พุ่งไปไกลยิ่งกว่ารถยนต์ซูเปอร์คาร์ อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าทุกคนจะชอบจักรยานคันนี้ เพราะมีเรื่องหนึ่งที่เป็นเหมือนมลทินด่างพร้อยอยู่

เพราะ Butterfly Trek Madone ได้นำชิ้นส่วนของผีเสื้อมาใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงาม และไม่ได้มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า ไม่มีการฆ่าผีเสื้อเพื่อนำมาใช้ในการรังสรรค์จักรยานคันนี้ จนถูกองค์กรพิทักษ์สัตว์เรียกว่า “ผลงานที่ป่าเถื่อน”

ต้นกำเนิดของจักรยานราคา 15 ล้านบาท

จุดเริ่มต้นของจักรยาน Butterfly Trek Madone มาจากความคิดของศิลปินชาวอังกฤษรายหนึ่ง นามว่า เดเมียน เฮิร์สต์ (Damien Hirst) ซึ่งมีผลงานศิลปะมากมายหลากรูปแบบ ทั้ง จิตรกรรม, ประติมากรรม, สถาปัตยกรรม สลับสับเปลี่ยนไป ตามอารมณ์ของเขา

1

จนกระทั่งในปี 2009 เดเมียน เฮิร์สต์ ต้องการสร้างศิลปะรูปแบบใหม่ผ่านรถจักรยาน โดยการนำจุดเด่นของการสร้างสรรค์ศิลปะในรูปแบบของเขาเข้ามาผสมผสาน นั่นคือการนำสัตว์มาเป็นส่วนประกอบของงาน 

เดเมียน เฮิร์สต์ โด่งดังมากกับการนำร่างกายของสัตว์ต่างๆ (ที่เสียชีวิตแล้ว) มาประกอบใช้งานศิลปะรูปแบบต่างๆ โดยเจ้าตัวเคยจัดงานนิทรรศการที่โชว์เรื่องราวการเสียชีวิตของสรรพสัตว์ในแง่ของงานอาร์ตมาแล้วเช่นกัน

สำหรับการออกแบบจักรยานคันนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เฮิร์สต์จะต้องหาสิ่งที่มาเล่าเรื่องหรือตัวกลางที่จะเป็นคอนเซปต์ยืนของงานศิลปะชิ้นนี้ 

การสร้างศิลปะกับจักรยานไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตัวของเฮิร์สต์ต้องการทำออกมาอย่างพิเศษที่สุด ชนิดที่เรียกว่าต้องมีคันเดียวในโลก จะไม่มีใครหรือแบรนด์ไหนสามารถผลิตซ้ำได้อีก 

เดเมียน เฮิร์สต์ ใช้เวลาอยู่นานในการเลือกสิ่งมีชีวิตที่จะมาใช้ประกอบงานอาร์ตชิ้นนี้ จนได้มีโอกาสไปพูดคุยกับ พอล ฮิวสัน หรือ โบโน่ จากวง U2 ซึ่งเป็นสาวกด้านงานศิลปะเช่นกัน นักร้องรายนี้ได้แนะนำมืออาร์ตชาวอังกฤษว่า “ทำไมไม่ลองใช้ผีเสื้อดูล่ะ?”

ในความคิดของ โบโน่ U2 เขาเชื่อว่าผีเสื้อเป็นสัตว์ที่มีความสวยงาม และจะเข้ากันได้ดีกับการออกแบบงานศิลปะบนจักรยาน หากมีการออกแบบอย่างเหมาะสม

2

นอกจากนี้ ด้วยขนาดตัวที่เล็กของผีเสื้อ ทำให้สามารถนำผีเสื้อตัวเป็นๆ มาเป็นส่วนหนึ่งของงานชิ้นนี้ได้ โดยไม่ใช่ส่วนประกอบ แต่จะเป็นสิ่งสำคัญของงานอาร์ต ที่คนจะให้ความสำคัญมากกว่าตัวจักรยาน

เฮิร์สต์ ซื้อไอเดียนี้อย่างรวดเร็ว เขาเริ่มสร้างสรรค์จักรยานคันนี้ในทันที ด้วยการนำร่างและปีกของผีเสื้อที่เสียชีวิตแล้วมาติดไปทั่วจักรยาน พร้อมกับใส่สีชมพูลงไปเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับงาน จนออกมาเป็นว่าที่จักรยานที่แพงที่สุดในโลก

เหตุใดจึงแพงหูฉีก?

โมเดลต้นแบบของจักรยานคันนี้คือรุ่น Trek Madone หนึ่งในตระกูลจักรยานของ Trek แบรนด์ดังจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปกติมีราคาที่สูงอยู่แล้ว โดยมีราคาให้เลือกตั้งแต่ระดับพันเหรียญปลายๆจนถึงหมื่นเหรียญ หรือตีราคาเป็นเงินไทย ต้องมีแตะหลักแสนบาท

3

เพราะว่าจักรยานรุ่น Trek Madone มีน้ำหนักที่เบาไม่ถึง 7 กิโลกรัม (6.7 กิโลกรัม อ้างอิงจากสเปคของ Trek Madone 6.9 ตัวใช้แข่งรายการใหญ่ปี 2009 ที่ใช้เป็นต้นแบบ) ซึ่งช่วยเสริมสมรรถภาพในการปั่นจักรยานของนักกีฬาอย่างมาก รวมถึงมีความทนทานสูง มีออปชั่นในการปรับที่นั่งให้เข้ากับสรีระ และสไตล์การปั่นของแต่ละคน เรียกได้ว่าเป็นจักรยานคุณภาพที่เอนกประสงค์สำหรับทุกคนอย่างแท้จริง

เท่านั้นยังไม่พอ ในช่วงเวลานั้น Trek มีพรีเซนเตอร์เป็นนักปั่นจักรยานชื่อดัง อย่าง แลนซ์ อาร์มสตรอง ที่กำลังจะคืนสังเวียน ลงแข่งขันรายการ ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 2009 หลังจากประกาศรีไทร์ไปเมื่อปี 2005

ตัวของอาร์มสตรองก็เป็นแฟนงานศิลปะของ เดเมียน เฮิร์สต์ ทันทีที่ได้ข่าวว่า เขากำลังออกแบบงานศิลปะใหม่บนจักรยาน เขาก็ต้องการจะขับขี่จักรยานคันนี้ทันที ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของเฮิร์สต์เช่นกัน ที่อยากให้อาร์มสตรองได้มีโอกาสขี่พาหนะสุดพิเศษคันนี้ ในฐานะนักจักรยานที่โด่งดังที่สุดในโลก ณ ช่วงเวลานั้น

4

บทสรุปที่ออกมาคือ แลนซ์ อาร์มสตรอง จะนำจักรยาน Butterfly Trek Madone มาขี่ลุยการแข่งขันตูร์ เดอ ฟรองซ์ 2009 ในสเตจสุดท้าย ซึ่งเจ้าตัวจบการแข่งขันในครั้งนั้นด้วยอันดับที่ 3 (แต่ถูกยึดอันดับคืนในเวลาต่อมาด้วยคดีการใช้สารกระตุ้น)

หลังจากการแข่งขันจบลงอย่างเป็นทางการ ได้มีการประกาศทันทีว่า จักรยานคันนี้จะถูกนำมาประมูล เพื่อหาเงินสบทบทุนเข้าสู่ Livestrong Foundation มูลนิธิสนับสนุนผู้ป่วยโรคมะเร็งของ แลนซ์ อาร์มสตรอง ซึ่งเจ้าตัวเคยป่วยเป็นโรคมะเร็งอัณฑะมาก่อน และสามารถเอาชนะโรคร้ายนี้ได้

5

การประมูลถูกจัดขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2009 ซึ่งราคาสูงสุดที่มีผู้ประมูลในวันนั้นคือ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 15 ล้านบาท เรียกได้ว่าแพงกว่ารถซูเปอร์คาร์บางคันด้วยซ้ำ

แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะนี่คือรถจักรยานสุดพิเศษทั้งในแง่เรื่องราวและดีไซน์ ทันทีที่ถูกเคาะปิดการประมูล จักรยาน Butterfly Trek Madone กลายเป็นจักรยานที่ราคาแพงที่สุดในโลกทันที และยังครองตำแหน่งนี้มาจนถึงปัจจุบัน

จักรยานเปื้อนเลือดในสายตาคนรักสัตว์ 

Butterfly Trek Madone ยังคงเป็นตำนานของวงการจักรยานมาจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของราคาที่แพงจนเหลือเชื่อ และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีจักรยานคันไหนมาโค่นแชมป์ราคาแพงที่สุดไปจาก Butterfly Trek Madone

6

เพราะอันดับ 2 ในปัจจุบัน อย่าง Trek Yoshimoto Nara ถูกขายในราคาเพียง 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6 ล้านบาทเท่านั้น คูณสองไปยังไม่ถึงราคาของ Butterfly Trek Madone

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้จักรยานคันนี้ได้รับการจดจำ ไม่ได้มีแค่เรื่องของราคา แต่รวมถึงดีไซน์ที่สวยงาม การนำปีกผีเสื้อตกแต่งเป็นงานศิลปะไปทั่วจักรยานคือสิ่งที่ใครได้เห็นก็จะจดจำจักรยานคันนี้ได้แบบไม่ลืมเลือน ด้วยความแปลกตาอย่างงดงามของมัน

แต่ไม่ใช่ทุกคนจะชอบจักรยานคันนี้ เพราะ Butterfly Trek Madone ถูกต่อต้านอย่างมากโดยกลุ่มคนรักสัตว์และ PETA หรือ องค์กรพิทักษ์สัตว์ ที่มีบทบาทมากมายกับการรณรงค์ถึงบทบาทของสัตว์ในสังคมมนุษย์จากหลากหลายกรณีทั่วโลก

PETA ได้ออกแถลงการณ์ประนามจักรยานคันนี้ โดยเรียกว่าเป็น “ผลงานที่ป่าเถื่อน” และทำลายทุกสิ่งที่ แลนซ์ อาร์มสตรอง สร้างมา เพราะสิ่งมีชีวิตอื่นไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือในการระดมทุน หรือทำให้เป็นสัญลักษณ์ของความสวยงามโดยมนุษย์

7

สำหรับการสร้างสรรค์จักรยานคันนี้ ทาง เดเมียน เฮิร์สต์ ยืนยันว่า เขาได้นำชิ้นส่วนของผีเสื้อที่ตายไปแล้วก่อนหน้านี้มาประกอบเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานอย่างเป็นทางการว่า ไม่มีการฆ่าผีเสื้อเพื่อนำชิ้นส่วนมาสร้างงานศิลปะชิ้นนี้ ทำให้ข้อกล่าวหานี้ยังคงไม่ได้รับการแก้ต่าง และเป็นตราบาปของ Butterfly Trek Madone มาจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของการละเมิดชีวิตของสัตว์ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนสนใจเกี่ยวกับจักรยานคันนี้ เพราะปัจจุบันทุกคนยังคงจดจำ Butterfly Trek Madone ในฐานะจักรยานที่สวยงาม, เคยใช้จริงโดย แลนซ์ อาร์มสตรอง และราคาที่แพงหูฉีกของมัน

เชื่อกันว่า หากมีการทำจักรยาน Butterfly Trek Madone ออกมาจำหน่ายเพิ่ม จะมีอีกหลายคนที่พร้อมทุ่มเงินก้อนโต เพื่อให้ได้มันมาครอง เพราะนี่คือหนึ่งในจักรยานในฝันของใครหลายคน 

ต่อให้มีผีเสื้ออีกหลายตัวที่อาจต้องเสียชีวิตกับการสังเวยมาเป็นส่วนหนึ่งของรถจักรยาน แต่ก็มีมนุษย์จำนวนไม่น้อยที่พร้อมจะมองข้ามเรื่องราวนี้ไป เพราะไม่สามารถต้านทานเสียงเรียกร้องในใจที่จะชื่นชมความสวยงามของจักรยานคันนี้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ