เจอร์เกน คล็อปป์ ระบุสุดภูมิใจในตัวลูกทีมหลังผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครอง พร้อมชี้ยังไม่คิดเรื่องการลุ้น 4 ถ้วยแม้โอกาสยังคงเปิดอยู่ก็ตาม
ลิเวอร์พูล เพิ่งผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2021-22 เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ด้วยการเอาชนะจุดโทษ เชลซี ด้วยสกอร์ 6-5 หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 0-0
จากผลดังกล่าวทำให้ “หงส์แดง” คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ไปครองเป็นสมัยที่ 8 ในประวัติศาสตร์สโมสรเทียบเท่ากับ เชลซี และท็อตแนม ฮอตสเปอร์ พร้อมเป็นแชมป์ที่ 2 ของพวกเขาในฤดูกาลนี้
หลังการแข่งขัน คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์ว่า เชลซี คือคู่ปรับที่แข็งแกร่ง พร้อมระบุภูมิใจในตัวลูกทีมอย่างมาก “มันเป็นเกมที่เหลือเชื่อ และเข้มข้นกับ เชลซี พวกเขาสมควรได้รับมัน (ชัยชนะ) ในลักษณะเดียวกันเหมือนกับใน คาราบาว คัพ”
“ผมคงไม่สามารถภูมิใจในตัวลูกทีมได้มากกว่านี้อีกแล้ว, ความมุมานะที่พวกเขาทุ่มเทออกมา การต่อสู้อย่างยิบตาของพวกเขา (ไม่ระส่ำระสาย) ในเวลาที่เราจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเร็ว 2-3 คน ผมคิดว่า เวอร์กิล น่าจะโอเคนะ เขามีอาการเจ็บกล้ามเนื้อนิดหน่อย”
“ทั้งหมดนี้ การพลาดโอกาสทอง เอาชนะช่วงเวลาดีๆจาก เชลซี จากนั้นก็มีช่วงเวลาที่ดีจริงๆให้กับตัวเอง มาถึงในการยิงจุดโทษ มันเครียดมาก เล็บของผมหายไปแล้ว แต่ผมรู้สึกถึง เชลซี จริงๆ เป็นครั้งที่ 2 ใน 120 นาที และคุณไม่ได้อะไรเลย นั่นยากเกินไป แต่สำหรับเรา ผมค่อนข้างมีความสุข
“เรามีสัตว์ประหลาดในจิตใจ แต่ก็มีสัตว์ประหลาดในจิตใจที่เป็นสีน้ำเงินเช่นกัน มันเป็นการดวลจุดโทษเดียว เชลซี เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ท้ายที่สุดต้องมีผู้ชนะเพียงคนเดียว และนั่นคือเราในวันนี้”
นอกจากนั้นเฮดโค้ชชาวเยอรมัน ยังพูดถึงโอกาสการลุ้น 4 แชมป์ว่า “โอกาส 4 แชมป์ยังคงเปิดกว้างอยู่ถ้าคุณต้องการ แต่มันก็ปิดเช่นกันเนื่องจากสถานการณ์ แมนฯ ซิตี้ อยู่ในจุดนี้ 3 แต้ม และ 7 ประตูจากความแตกต่างของเป้าหมาย ดังนั้นตอนนี้หากพวกเขาชนะ (เกมในวันที่ 15 พ.ค. กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด) ด้วยความเคารพต่อ เวสต์แฮม หากพวกเขาชนะด้วยสกอร์ 4-0 ก็เท่ากับไปกลับ 6 แต้ม ก่อนที่เราจะเริ่มต้นแข่งกับ เซาแธมป์ตัน ในวันอังคาร (17 พ.ค.) และตามหลัง 11 ประตู
“จากนั้นเราต้องชนะทั้ง 2 เกมของเรา พวกเขาต้องแพ้หนึ่งเกม และมันงี่เง่า ดังนั้นมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้ หากพวกเขาแพ้ เวสต์แฮม ผมเริ่มคิด ถ้าพวกเขาไม่ เราจะตัดสินมัน และไปจากตรงนั้น มันยอดเยี่ยมมากที่เราสามารถพูดถึง 4 แชมป์ได้ มันบ้ามาก”