แรงงานพม่าชาย-หญิง 43 ชีวิต ข้ามแดน หวังมาทำงานในกทม. เปลี่ยนชุดทำทีมาทำบุญวันวิสาขบูชาตบตาจนท. แต่หมาดันเห่าเสียงดัง เลยถูกจับยกทีม
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 15 พ.ค. 65นายสมชาย ไตรทิพย์ชาติสุกล นายอำเภอแม่สอด นำกำลังชุดเคลื่อนที่เร็วกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอแม่สอดที่ 3 สนธิกำลังทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ร่วมกันเดินเท้าลาดตระเวนแนวชายแดนไทย-เมียนมา ที่บริเวณท้ายหมู่บ้านบ้านไร่ดอนชัย หมู่ที่ 6 ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนสิ่งของผิดกฎหมาย และการแรงงานต่างด้าวลักลอบข้ามชายแดนแบบผิดกฎหมาย
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินลาดตระเวนไปถึงป่ารกทึบ ใกล้แนวตลิ่งริมแม่น้ำเมย เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงสุนัขเห่าเสียงดัง เจ้าหน้าที่จึงเร่งเข้าไปตรวจสอบโดยเบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดปกติเนื่องจากความมืด แต่พอเจ้าหน้าที่ตรวจตรวจสอบอย่างละเอียด พบความผิดปกติเนื่องจากพบรอยเท้าคนจำนวนมาก เดินเหยียบย่ำบนทรายแนวริมตลิ่งริมแม่น้ำเมยแต่ไม่พบคน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงสุนัขเห่าอีกครั้ง ในพื้นที่ใกล้เคียงในป่ารกทึบเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปปิดล้อมตรวจค้น ก็พบกลุ่มแรงงานชายและหญิงสัญชาติเมียนมา ซึ่งเป็นวัยทำงานจำนวน 43 คน เป็นหญิงจำนวน 27 คนและเป็นชายจำนวน 16 คน
โดยแรงงานผิดกฎหมายทุกคนต่างแต่งตัวดี และบางคนเปลี่ยนชุดแต่งกายใหม่แบบชุดเข้าวัดทำบุญและอ้างว่าทำงานในพื้นที่แม่สอดมานานแล้ว กำลังจะไปวัดทำบุญวันพระ แต่พอเจ้าหน้าที่ขอตรวจเอกสารการเข้าเมือง และเอกสารการทำงานทุกคนกลับไม่มีเอกสารแสดง
และต้องคอตกรับสารภาพว่า กำลังรอรถยนต์ของกลุ่มนายหน้ามารับ เพื่อช่วยเหลือนำพาไปส่งที่กรุงเทพฯ แต่มาถูกจับเสียก่อนเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายทั้ง 43 คนนำไปตรวจโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK ซึ่งผลการตรวจพบว่าแรงงานทั้งหมดไม่มีใครตรวจพบเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงมอบอาหารน้ำดื่มสะอาดให้แรงงานทุกคนที่ถูกจับกุม ได้รับประทานเป็นการช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมเบื้องต้น
สอบสวนนายตันโซอู อายุ 40 ปี หนึ่งในแรงงานที่ถูกจับกุมให้การเบื้องต้นว่า ตนและกลุ่มเพื่อนแรงงานผิดกฎหมายทั้ง 43 คนไม่รู้จักกันแม้แต่คนเดียว ทุกคนต่างตกงานในฝั่งประเทศเมียนมา จึงมีนายหน้าฝั่งเมียนมาชักชวนให้ลักลอบหนีข้ามแนวชายแดน จากจังหวัดเมียวดีข้ามแม่น้ำเมยมาในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก
โดยทุกคนต้องอดทนต่อสภาพอากาศระหว่างเดินทางไกล โดยเจอทั้งฝนตกหนักทั้งอากาศร้อน ตลอดการเดินทางจากฝั่งเมียนมาจนมาถึงฝั่งแนวชายแดนแม่สอด และต้องจ่ายค่านายหน้าให้กลุ่มไม่ทราบชื่อทั้ง 2 ประเทศสูงรายละ 27,000 บาท เพื่อแลกในการจัดหารถยนต์มารับที่แนวชายแดนแม่สอด เพื่อนำพาไปส่งที่กรุงเทพฯ
โดยการลักลอบวันนี้พวกตนทั้งหมดใช้เรือหางยาวข้ามแม่น้ำเมย และเสี่ยงต่อเรือล่มจากกระแสน้ำเมยไหลเชี่ยวหลังฝนตกหนัก ก่อนที่จะสามารถมาขึ้นฝั่งชายแดนแม่สอดได้สำเร็จ ก็มาเปลี่ยนชุดเสื้อผ้าชุดใหม่เพื่อรอรถยนต์นายหน้ามารับ แต่แผนแตกเนื่องจากสุนัขดันเห่าเสียงดัง แผนเลยแตกจนดับฝันที่จะไปทำงานกรุงเทพฯ เนื่องจากถูกจับยกทีม ล่าสุดเจ้าหน้าที่นำตัวแรงงานทั้งหมดส่งดำเนินคดีที่ สภ.แม่สอด พร้อมเร่งส่งผลักดันกลับประเทศต้นทางแล้ว