ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ออกมาเผยถึงกีฬาซีเกมส์ว่า สำหรับซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ซึ่งกำลังจะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 พ.ค.65 นั้น อาจเป็นอีกหนึ่งศึกซีเกมส์ที่หลายๆคนคนมองว่าเป็นมหกรรมกีฬาระดับภูมิภาค แต่เรื่องของความภาคภูมิใจ และเกียรติยศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชนิดกีฬาใด กกท.ยังถือว่าล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น บางชนิดกีฬาก็เป็นกีฬาที่คนไทยตั้งความหวังสูงมากๆ เช่น ฟุตบอล ซึ่งแม้จะมีเเค่ 2 เหรียญ แต่ก็ยังเป็นเหรียญที่มีเกียรติ และศักดิ์ศรี หรือบางชนิดกีฬาที่เราก็ตั้งมั่นว่าเราจะต้องเป็นเจ้าเหรียญทองให้ได้
“ส่วนที่ผ่านมาในซีเกมส์ เรามักจะเห็นเจ้าภาพมักจะบรรจุกีฬาพื้นบ้านเข้าชิงชัยเกือบทุกสมัย เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ไทยที่ไม่เห็นด้วย แต่หลายๆชาติก็ไม่เห็นด้วย ซึ่งบรรดาผู้บริหารระดับสูงได้มีการพูดคุยกันแล้วถึงแนวทางในการทำให้กีฬาซีเกมส์ในอนาคตกลับมาดูน่าสนใจและมีมนต์ขลังดังเดิม ซึ่ง สิงคโปร์ และไทย คือชาติที่ยืนยันชัดเจนในเรื่องการจัดกีฬามาตรฐาน ซึ่งหลังจากกัมพูชา เป็นเจ้าภาพ ปี 2023 ตามด้วยไทยปี 2025 เรายืนยันเลยว่า จะเน้นหนักจัดกีฬาสากลเป็นหลัก ตามมาตรฐานในกีฬาเอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์
“สำหรับในศึกซีเกมส์นั้น ก็ต้องเรียนว่าหลายประเทศพัฒนา หลายประเทศไม่ได้หยุดนิ่ง การแข่งขันค่อนข้างสูง แต่ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเราและหลายๆชาติ ก็คือการพัฒนาเวทีซีเกมส์ในการสร้างดาวรุ่ง เพื่อสร้างเด็กใหม่ๆขึ้นมาทุกชนิดกีฬา เพื่อต่อยอดไปเอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ และไม่ใช่เราจะไม่ใส่ใจในทุกชนิดกีฬา เราส่งเสริมในทุกชนิดและทุกสมาคมกีฬา แต่เป้าหมายที่สูงขึ้นไปกว่านั้น ในกลุ่มกีฬาที่เป็นสากล หรือความหมายก็คือมีบรรจุในโอลิมปิกเกมส์ ยังเป้าหมายใหญ่ของเราในครั้งนี้ ซึ่งกกท.ก็ตั้งเป้าเอาไว้ที่ 72 เหรียญทอง จาก 22 ชนิดกีฬา” ผู้ว่าการกกท. กล่าวทิ้งท้าย