FootNote:จังหวะไทยสร้างไทย ในกทม. ทะลวง จุดอิสระ ของ “ชัชชาติ”
พลันที่พรรคไทยสร้างไทยมาตั้งข้อสังเกตต่อความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ความอ่อนไหวในทางการเมืองก็ปรากฏขึ้น
เป็นความอ่อนไหวที่มีแต่พรรคไทยสร้างไทยเท่านั้น จะเข้าใจถึงเส้นสนกลในของพรรคเพื่อไทยอย่างใกล้เคียง
เนื่องเพราะพรรคไทยสร้างไทยมิได้มีเพียง นายโภคิน พลกุล ซึ่งมีความเข้าใจต่อพรรคเพื่อไทยอย่างลึกซึ้ง หากแต่ยังมี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นประธานพรรค
ยิ่ง น.ต.ศิธา ทิวารี ยิ่งเคยเป็น ส.ส.ในร่มธงตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และยังเคยดำรงตำแหน่งเป็น “ผู้อำนวยการ” พรรคมาแล้ว
ขณะเดียวกัน การออกมาเปิดโปงความนัยระหว่างพรรคเพื่อไทย กับการดำรงอยู่อย่างเป็นอิสระของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยังเป็น นายประภัสสร์ จงสงวน อีกด้วย
พลันที่คนของพรรคไทยสร้างไทยออกโรง “ชำแหละ” คนกรุงเทพมหานครย่อมล้างหูน้อมรับฟังอย่างเป็นจังหวะจะโคน
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายประภัสสร์ จงสงวน เคยอยู่ในสถานะที่สำคัญ 2 สถานะประสานเข้าด้วยกัน นั่นก็คือเคยสมัครรับเลือกตั้งเป็น ผู้ว่าฯกทม.และเคยเป็นผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย
ตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยย่อมสัมพันธ์กับกระทรวงคมนาคมอย่างแนบแน่น
ก่อนหน้ามาเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯกทม.” นายประภัสสร์ จงสงวน ก็เคยสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทยมาแล้ว
การตั้งข้อสังเกตของ นายประภัสสร์ จงสงวน โดยความเห็นชอบของพรรคไทยสร้างไทยจึงทะลวงเข้าไปถึงแก่นแกน
ทั้งของพรรคเพื่อไทย และของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
การตั้งข้อสังเกตในความสัมพันธ์ระหว่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับพรรคเพื่อไทย ถือได้ว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเป็นความซับซ้อนยิ่งในทางการเมือง
คำประกาศความเป็นอิสระจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่พอ
จำเป็นที่พรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของผู้สมัครสก.จะต้องขานรับและยืนยันความเป็นอิสระนั้นด้วย
หากจัดความสัมพันธ์ได้ไม่เหมาะสมอาจกลายเป็น “ผลเสีย”