เอาผิดเสพเมถุน ข่าวคราวเกี่ยวกับพระภิกษุ ที่ประพฤติผิดบทบัญญัติ ล่วงละเมิดต่อพระธรรมวินัย สร้างความเสื่อมเสีย และกระทบศรัทธาบรรดาพุทธศาสนิกชนเกิดขึ้นอีกครั้ง
ต้องยอมรับว่ามีผลสะเทือนต่อวงการสงฆ์มากทีเดียว เพราะไม่เพียงมีพระต้องอาบัติปาราชิก เสพเมถุนกับมาตุคามเท่านั้น
แต่ยังมีความพยายามที่จะช่วยกันปกปิดความผิด โดยมีพระสังฆาธิการระดับผู้ช่วยเจ้าอาวาสเป็นคนกลางวิ่งเต้นจ่ายเงิน
ความผิดทั้งสองประเด็นนี้ กำลังอยู่ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่ตำรวจและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คาดว่าจะทราบผลอีกไม่นาน
เรื่องราวพระภิกษุต้องครุกาบัติปฐมปาราชิกนั้น เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งหลายวาระ เริ่มที่กรณีพระครูใบฎีกานิกร ธัมมวาที พระนักเทศน์ชื่อดังทางภาคเหนือ
จากนั้น ก็มีกรณีอดีตพระยันตระ อมโร พระนักเทศน์รูปงามจากภาคใต้ ที่มีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงสาวหลายคน ไม่เว้นแม้แต่ชาวต่างชาติ บางคนถึงขนาดมีบุตรสาวด้วยกัน
ถัดมาก็มีเรื่องการชำเราเด็กหญิง ของพระ ภาวนาพุทโธ พระวิปัสสนาชื่อดัง จนนำไปสู่ความเป็นคดีและศาลฎีกาตัดสินว่ามีความผิดจริง รวมถึงกรณีเณรคำหรืออดีตพระวีรพล ฉัตติโก ด้วย
ตัวอย่างที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอธิกรณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นกับคณะสงฆ์เท่านั้น แต่กรณียิบย่อยลงไปก็มีนับไม่ถ้วนเช่นกัน
ทุกครั้งที่เรื่องอื้อฉาวลักษะณะนี้เกิดขึ้น ก็มักมีผู้เรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายเพื่อลงโทษเอาผิดทั้งฝ่ายพระภิกษุและฝ่ายหญิง ในกรณีสมยอมพร้อมใจกัน
ล่าสุด รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าเมื่อปี 2500 เคยมีกฎหมายลงโทษพระต้องปาราชิกเสพเมถุนกับผู้หญิง ไม่ว่าหญิงผู้นั้นจะสมัครใจหรือไม่ก็ตาม ถือว่ามีความผิดทั้งคู่
ขณะนี้อยู่ระหว่างให้กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาว่าสมควรจะรื้อฟื้นหรือเขียนขึ้นมาใหม่
ถ้าหากสุดท้ายจะมีบทลงโทษเอาผิด ทั้งสองฝ่าย ก็ต้องมีความรัดกุม รอบคอบ กำหนดบริบทให้ชัดเจน รวมถึงต้องครอบคลุมถึงการร่วมประเวณีระหว่างเพศเดียวกันที่เป็นอาบัติปาราชิกด้วย