หมอชลน่าน เย้ย ประวิตร นั่งนายกฯสำรอง หวังสืบทอดอำนาจต่อ เชื่อค่าหัวล้ม ประยุทธ์ แค่ข่าวปล่อย พุ่งเป้าดิสเครดิตพรรคร่วมฝ่ายค้าน
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 พ.ค.2565 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นไปได้ที่จะมีชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นนายกฯสำรองว่า ถ้าเอารายชื่อในบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอมาเลือกไม่ได้ ตรงนี้จะเป็นเหตุว่าเขาจะเลือกใครหรือไว้ใจใคร ความเป็นไปได้อยู่ที่ผู้มีอำนาจขณะนี้ว่า เห็นแก่บ้านเมืองมากน้อยขนาดไหน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ถ้าเขาตั้งใจจะสืบทอดอำนาจง่ายที่สุดคือ พล.อ.ประวิตร เพราะอยู่ในกลไกการใช้อำนาจนี้อยู่แล้ว และเป็นผู้ที่สนับสนุนคนชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาเป็นนายกฯ แต่แรก ถ้าเห็นแก่ประเทศชาติ ไหนๆ จะมีนายกฯสำรองแล้ว ลดการสืบทอดอำนาจ มุ่งแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ อาจเสนอคนอื่นที่เหมาะสม หรือคนที่จะทั้งสืบทอดอำนาจและแก้ปัญหาประเทศไทยได้ทั้ง 2 อย่างให้คสช.อยู่ได้ และคนที่มาเป็นนายกฯ สามารถนำพารัฐบาล หรือ ครม.ที่จะตั้งขึ้นมาใหม่ นำชาติบ้านเมืองเดินไปได้
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการดีลพรรคเล็ก ล่าสุดรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ไปทานข้าวกับหัวหน้ากลุ่ม 16 และหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่อีก นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เสียงของฝ่ายค้านเราไม่พอ ดังนั้น ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติตามมาตรา 151 เราต้องใช้กลไกทุกอย่างเพื่อให้ได้เสียงพอ
สำหรับการไม่ไว้วางใจนายกฯ หรือรัฐมนตรีที่เราจะอภิปราย โดยเราเน้นการใช้ข้อมูล ข้อเท็จจริงในการอภิปราย เราเเชื่อว่าถ้าข้อมูลมีน้ำหนักมากพอ ส.ส.ที่จะทำงานเพื่อบ้านเมืองย่อมตัดสินใจ และส.ส.พรรคเล็กเขาก็เปิดใจแบบนั้น ว่าจะใช้กลไกนี้กู้วิกฤติศรัทธาของการทำงานในสภา ที่เขาถูกกล่าวหาว่ากินกล้วย หรือทำงานเพื่อตัวเอง ส่วนจะได้เสียงขนาดไหน ตนไม่ได้ลงลึกไปในรายละเอียดขนาดนั้น แต่มีการพูดคุยกันต่อเนื่อง
เมื่อถามถึงกระบวนการล้มนายกฯ ในครั้งนี้ มีค่าหัวสูงตั้งแต่ 5-30 ล้านบาท นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ได้ยินจากสื่อ และไม่แน่ใจว่าผู้ปล่อยข่าวมีวัตถุประสงค์อย่างใด ทั้งนี้ ในกระบวนการล้มนายกฯ เป็นกระบวนการตามวิถีประชาธิปไตย โดยใช้ระบบรัฐสภา ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การที่สมาชิกยกมือไว้วางใจหรือไม่ สามารถสืบทราบได้อยู่แล้วว่ารับเงิน 5-30 ล้านบาทจริงหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่า ส.ส.ที่จะมาร่วมยกมือกับฝ่ายค้านเรา เขาต้องการกู้วิกฤติศรัทธาให้กับตัวเองกับพรรคของเขา
“ดังนั้น ถ้าเขาไปหลงบ่วงอยู่ตรงนั้น เขาไม่ได้แก้วิกฤติศรัทธา แต่ฝังทั้งเป็น ตายทั้งเป็น ตนเชื่อว่าเขาไม่ทำ เพราะนี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่เขาจะเข้าสู่การเลือกตั้ง อะไรที่ดีที่สุด เขาจะเลือกทำแบบนั้น ผมจึงเชื่อว่าเรื่องเงิน 5-30 ล้านบาท เป็นการปล่อยข่าว เพื่อลดความน่าเชื่อถือของพรรคร่วมฝ่ายค้าน และคนที่เราจะไปคุยด้วย” นพ.ชลน่าน กล่าว