กมธ.เชิญหน่วยงานแจงประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี-เตรียมบุกสำนักงบฯทวงเอกสารใช้งบปี 64-65

Home » กมธ.เชิญหน่วยงานแจงประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี-เตรียมบุกสำนักงบฯทวงเอกสารใช้งบปี 64-65


กมธ.เชิญหน่วยงานแจงประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี-เตรียมบุกสำนักงบฯทวงเอกสารใช้งบปี 64-65

เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2565 นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย(พท.) ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กรณีการประมูลเพื่อหาผู้ดำเนินการในโครงบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ที่ส่อไม่โปร่งใส และมีปัญหาในการประมูลแล้ว เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ได้ทำหนังสือเพื่อเชิญบุคคลมาให้ข้อมูลและรายละเอียดในการประชุมกมธ.วันที่ 11 พ.ค. เวลา 09.30 น. อาทิ กรมธนารักษ์ , เลขาธิการอีอีซี, กรรมการผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการประกวดราคา สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เป็นต้น เพื่อสอบถามรายละเอียดและข้อมูลที่เกิดขึ้น

“ผมยืนยันว่ากาตรวจสอบของกมธ. ยึดหลักความถูกต้อง ไม่ใช่ตรวจสอบเพราะสถานการณ์หรือเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองเพื่อทำลายฝ่ายใด จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีการตั้งธงใดๆ”นายไชยา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเลื่อนการเซ็นต์สัญญาประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี กับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด มองว่ามีนัยใดแอบแฝงหรือไม่ นายไชยา กล่าวว่าตามการชี้แจงของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง บอกว่าเพื่อความโปร่งใส และรักษางบประมาณแผ่นดิน พอฟังได้ แต่ในข้อเท็จจริงต้องตรวจสอบอีกครั้ง หากไม่มีประเด็นที่ถูกสังคมตั้งประเด็นสงสัยในความโปร่งใส ทำไมถึงต้องเลื่อนการลงนาม

สำหรับการตรวจสอบรัฐบาลด้านการใช้งบประมาณนั้นยังมีประเด็นที่กมธ.ติดตามต่อเนื่อง คือ การใช้งบกลาง ปี 2564-2565 เพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่ผ่านมากมธ.ได้เชิญเจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณเข้าชี้แจง แต่ไม่มีความชัดเจน เพราะไม่มีเอกสารใด มาแสดงให้ที่ประชุมพิจารณา เอกสารเกี่ยวกับการใช้เงินงบกลาง ตามอำนาจของนายกฯไม่ใช่งบลับและไม่ใช่เงินส่วนตัวของนายกฯ จึงต้องเปิดเผยและตรวจสอบได้ ดังนั้นในวันที่ 18 พ.ค.นี้กมธ.ทั้งคณะจะไปที่สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอเอกสารที่เคยขอไป และพร้อมจะนั่งรอเพื่อให้ได้เอกสารตามที่ขอ

การแก้ปัญหาโควิดของรัฐบาลทั้งจากการใช้งบกลางและตามพ.ร.ก.กู้เงินมีมูลค่ามหาศาล ทำให้ประเทศเป็นหนี้จำนวนมหาศาล แต่ผลสัมฤทธิ์ของการแก้ปัญหาที่ผ่านมาพบว่าไม่สามารถแก้ไขได้ ทั้งการใช้งบประมาณเพื่อจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ ที่กระทรวงสาธารณสุขเคยชี้แจงว่าไม่ขาด มีในสต๊อก เดือนประมาณ 20 ล้านเม็ด แต่ข้อเท็จจริงพบว่าชาวบ้านที่ป่วยด้วยโควิด-19 แพทย์ไม่จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ให้ ทำให้ชาวบ้านต้องซื้อเองที่ร้านขายยา ทั้งที่เป็นยาที่ต้องใช้คำสั่งของแพทย์ รวมถึงการใช้เงินเพื่อแก้ไขเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 แต่พบว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น

“ขอย้ำว่าการใช้เงินงบประมาณของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาโควิด และปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นหนึ่งในประเด็นที่ฝ่ายค้านจะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแน่นอน เพราะต้องการสอบถามถึงการใช้งบประมาณจำนวนมาก เพื่อแก้ไขโรคระบาด แต่ผลสัมฤทธิ์นั้นไม่ดี เช่นเดียวกับการใช้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่พบว่าล้มเหลว”นายไชยา กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ