บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำชับกกท.ให้ความสำคัญ กำหนดทิศทางการบริหารจัดการเทคโนโลยีดิจิทัลกีฬาไทยขับเคลื่อน BCG Model
บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ครั้งที่ 4/65 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ที่ห้องประชุม 301 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รมว.กก.) และผู้ว่าการกกท. เข้าร่วมประชุม เมื่อ 28 เม.ย.
ที่ประชุมรับทราบรายงาน สถานะงบลงทุน และเงินสำรองของกกท. ปี 2565 และการจัดกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 “ศรีสะเกษเกมส์” และกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 37 “นครลำดวนเกมส์” ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม กว่า 761 ล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้นำแนวทางขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Model เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม โดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ ทั้งนี้มีผู้เข้าชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันรวม กว่า 2.5 ล้านคน
- สโมสรสมาชิก ลงมติเอกฉันฑ์ผู้สมัครนายกลูกหนังห้ามอายุเกิน 70 ปี
นอกจากนั้นที่ประชุมยังร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบเรื่องสำคัญ ประกอบด้วยการปรับร่างข้อบังคับการกีฬาแห่งประเทศไทย ว่าด้วยเงินอุดหนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการกีฬาจังหวัด เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานในปัจจุบัน และขออนุมัติเงินสะสมของการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งนักกีฬาเข้าร่วมซีเกมส์ครั้งที่ 31 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 11 ซึ่งโดยรวมคาดว่าจะสามารถได้ 110 เหรียญ ใน 40 ชนิดกีฬาของซีเกมส์ที่จะมีขึ้น
ระหว่างการประชุม พล.อ.ประวิตร กล่าวกำชับขอให้ กกท.ให้ความสำคัญ กำหนดกรอบทิศทางการบริหารจัดการเทคโนโลยีดิจิทัลของการกีฬาแห่งประเทศไทยให้เร็วขึ้น และขยายผลขับเคลื่อน BCG Model มาใช้ในการแข่งขันทุกประเภทการแข่งขันกีฬาอย่างกว้างขวางมากขึ้น ควบคู่ไปกับการให้ความรู้กับสังคมไปพร้อมกัน รวมทั้งให้เร่งดำเนินการก่อสร้างศูนย์ฝึกกีฬามวยสากล ให้มั่นใจว่าเป็นไปตามแผนงานตามระยะเวลาในสัญญา โดยเน้นคุณภาพงานและความโปร่งใส
นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังย้ำกับผู้ว่าการกกท. ขอให้ขับเคลื่อนกำกับเข้มทุกสมาคมกีฬา ไม่ให้มีการใช้สารกระตุ้นกับนักกีฬาทุกประเภทโดยเด็ดขาด โดยให้ยึดปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. 2555 รวมทั้งมาตรการและข้อบังคับจากองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (WADA) เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการกีฬาและประเทศไทยดังเช่นที่เกิดขึ้นอีก