ป้าร้านอาหารท่าน้ำนนท์ถูกลูกชายเจ้าของร้านข้างๆ ตบล้มทั้งยืน เผยปมเขม่นร้านป้าขายดีกว่า หมอระบุผลตรวจซี่โครงหัก ลั่นไม่ยอมความแน่
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ว่า ที่ร้านอาหารท่าน้ำนนท์ ชายรายหนึ่งขี่มอไซค์ผ่านยายแก่ ๆ ที่เดินเสิร์ฟอาหารตามโต๊ะแล้วก็เดินเข้ามาต่อว่ายาย ตบหน้ายายจนล้มทั้งยืน อ้างว่ายายด่าเค้าแล้วยังพูดทำนองว่าตำรวจจังหวัดนนท์ ทำอะไรเค้าไม่ได้ ส่วนผู้ชายคนนี้ก็อยู่ร้านติดกัน เจ้าของร้านบอกเวลามีแขกที่ร้านเยอะ แล้วร้านของผู้ชายคนนี้ไม่ค่อยมี ก็จะก่อกวนหรือหาเรื่อง
ล่าสุดวันที่ 27 เม.ย. 65 นายเอกมล ศิริวัฒนรักษ์ อายุ 59 ปี สามีของนางสุนีย์ อายุ 57 ปี ซึ่งถูกทำร้ายร่างกายด้วยการต่อยเข้าที่ศีรษะจนล้มฟุบไปกับพื้น ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำหลักฐานเป็นผลการตรวจร่างกายของภรรยามามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นทราบตัวแล้วคือ นายเอก ซึ่งเป็นลูกชายของร้านเบิร์ด ทะเลซ่าส์ ซึ่งขายอาหารอยู่ติดกันกับร้านอู๊ด ท่าน้ำนนท์ ที่ นางสุนีย์ มาทำงานที่ร้านดังกล่าว
นายเอกมล กล่าวว่า ภรรยาตนมาช่วยเสิร์ฟอาหารและล้างผักอยู่ที่ร้านมานานหลายปีแล้ว วันเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ มาทราบจากภรรยาภายหลังจึงตามไปที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ตนทราบเรื่องราวจากลูกค้าและคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุว่า นายเอก ซึ่งเป็นลูกชายของร้านอาหารทะเลที่อยู่ติดกันเจตนาเดินเข้ามาต่อยภรรยาตนเองอย่างตั้งใจ
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีเรื่องกันมาก่อน เหมือนเขาจงใจเข้ามาทำร้ายโดยตรง เนื่องจากไม่ได้มีการโต้เถียงหรือทะเลาะด่าทอกันมาก่อน เมื่อประมาณ 5 ปีแล้ว เคยถูกนายเอก ที่มีพฤติกรรมเกเรปาน้ำแข็ง ปาข้าวของใส่ร้านอาหารที่ภรรยาทำงานมาแล้ว
ในวันเกิดเหตุ เขาเดินเข้ามาหาเรื่อง ในร้านแล้วบอกว่าภรรยาตนไปมองหน้าด่าทอเขาก่อน ซึ่งเขาเป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่กลับไปทำร้ายผู้หญิงที่สูงอายุแบบนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายเขาทำกัน และในร้านก็มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น ตนยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โดยหลังเกิดเหตุแล้วตนได้พาภรรยามาแจ้งความไว้ตั้งแต่คืนเกิดเหตุ ในวันนี้จึงนำใบตรวจของแพทย์มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป
เพราะผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมชอบหาเรื่อง เกเร สร้างปัญหาให้กับสังคมเรื่อยมา ทั้งปาของ เขวี้ยงแก้ว เปิดเพลงเสียงดังใส่ แต่ถ้าวันไหนร้านคนเยอะด้วยกันทั้งสองร้านก็จะไม่เกิดปัญหา หลังเกิดเหตุมาทางตนกับภรรยายังไม่เคยได้รับการติดต่อขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบเห็นอกเห็นใจสอบถามอาการภรรยาตน โชคดีที่วันนั้นภรรยาตนไม่ล้มลงไปจนศีรษะฟาดพื้นเพราะได้ลังน้ำแข็งรองรับไว้
ด้าน นางสุนีย์ กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณทุ่มกว่า ๆ มีลูกค้าเข้ามานั่งกินอาหารเต็มร้าน ตนซึ่งกำลังเดินเสริฟ์อาหารและจัดผักให้ลูกค้า ก็ถูกคู่กรณีซึ่งลูกชายเจ้าของร้านอาหารทะเลทึ่อยู่ติดๆกัน เดินมาต่อว่าในร้านเขากล่าวหาว่าตนไปด่าทอเขาก่อน จังหวะที่ตนหันกลับมามองก็ถูกเขาต่อยเข้สที่ศรีษะเต็มแรงจนตนล้มฟุบไปนอนกับพื้น ทั้งปวดทั้งจุก จนลุกขึ้นไม่ไหวนานเกือบครึ่งชั่วโมง จึงมีคนมาช่วยพยุงปีกตนไปหลบที่ด้านหลังของร้าน
ตนยืนยันว่าตนไม่เคยไปด่าหรือไปต่อว่าเขาก่อน เพราะตอนนั้นกำลังยุ่ง ๆ ที่มีลูกค้าเขามาเต็มร้าน ซึ่งเรื่องการมองหน้ากันนั้นก็อาจจะมีบ้าง เพราะถ้าเขาไม่มองหน้าตนเองก่อนเขาจะรู้ได้ยังไงว่าตนไปมองหน้าเขาเหมือนกัน ซึ่งอาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับเขา จึงเดินเข้ามาหารเรื่องกับตน แล้วหาว่าตนไปว่าเขา จากนั้นก็ต่อยเข้าที่หัวตนจนล้มลงไปกับพื้น ตนเป็นแค่ผู้หญิงจะไปกล้าว่าอะไรเขา แม้ว่าร้านจะอยู่ติดกันก็จริงแต่ต่างคนต่างฝ่ายก็ขายของกันไป ไม่ใช่เก็นอีกฝ่ายขายดีกว่าแล้วจะมาระรานหาเรื่องกันแบบนี้
หลังถูกทำร้ายแล้วตนได้เดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ซึ่งแพทย์ระบุว่ามีอาการคล้ายกับกระดูกชายโครงด้านขวาจะหักอยู่ 2 ซี่ ซึ่งทำให้ตนมีอาการหัวปวด คล้ายกับจะอาเจียนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตนยังไม่สามารถเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมได้ ซึ่งถ้าอาการดีขึ้นแล้วตนจะเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง เพื่อให้ออกหมายเรียกผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี โดยตนไม่ประสงค์จะเจรจายอมความด้วย