เปิดมา 80 ปีไม่เคยเจอ! เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาดัง เปิดใจปิดร้านชั่วคราว หลังต้นทุนขึ้นเท่าตัว ถ้าขอขึ้นราคากับลูกค้า ไม่กล้าพูด-เหมือนน้ำท่วมปาก
จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “ลูกชิ้นปลาบรรทัดทอง ที่1 จส.100” ประกาศ ปิดร้านชั่วคราวทุกสาขา หลังแบกต่อไม่ไหว ปลาทำลูกชิ้นขึ้นราคาเป็นเท่าตัว
สำหรับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 27 เม.ย.65 ข่าวสดออนไลน์ ได้คุยกับนายณัฐธพงษ์ คลังสุนทรรังษี อายุ 41 ปี เจ้าของร้าน กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์ค่าปลาที่เอามาทำลูกชิ้น เป็นเนื้อปลาทะเลราคาขึ้น ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเม.ย.ประมาณ 10 – 30 เปอร์เซ็นต์ พอถึงหลังสงกรานต์ ราคาขึ้นมาเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ ตนยังพอขายได้ ยังพอแบกต้นทุนได้อยู่ แต่พอเมื่อวานนี้ทางแพปลาแจ้งมาว่า ราคาปลาเพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัว ตนเลยมาคำนวณต้นทุนแล้ว เลยคิดว่าถ้าขายต่อไปก็ไม่เห็นกำไร จึงตัดสินใจปิดร้านชั่วคราว นอกจากค่าปลาที่ปรับราคาขึ้น ทุกอย่างก็ขึ้นหมด ทั้งเนื้อหมู น้ำมันพืช น้ำมันขนส่งสินค้า ถุงพลาสติก คนที่ขายอาหารเจอกันหมด ตนเข้าใจหัวอกคนค้าขายมากๆ
นายณัฐธพงษ์ กล่าวว่า ร้านเปิดมาแล้ว 80 ปี ตอนนี้มีทั้งหมด 11 สาขา เป็นครั้งแรกที่ต้องปิดร้านชั่วคราว ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ที่ผ่านมาปกติจะมีช่วงเวลาที่ราคาปลาขึ้นราคาอยู่แล้ว จะมีฤดูที่ปิดอ่าว เลยทำให้การหาปลาได้น้อย ราคาปลาก็จะแพงขึ้น แต่ว่าไม่เคยเจอครั้งไหนที่ราคาเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวแบบนี้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เปิดร้านมาเลย แต่จะมีบางสาขาที่ยังเปิดอยู่ โดยการนำวัตถุดิบมารวมกัน เปิดขายได้ครึ่งวันก็ยังดี เพราะจะได้ไม่เสียต้นทุนวัตถุดิบ เหมือนขายเคลียร์สต็อกให้หมด
นายณัฐธพงษ์ กล่าวต่อมา ตนรู้สึกเครียด ใจหาย เป็นห่วงว่าราคาปลาจะลงเมื่อไหร่ แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่อยากคิดอะไรมาก ถ้ายังเปิดร้านอยู่ก็จะเหนื่อยเปล่าๆ จึงขอปิดสักพัก เพื่อพักสมองแป๊บนึง เป็นจังหวะพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อน ส่วนจะกลับมาเปิดร้านเมื่อไหร่นั้น ต้องดูสถานการณ์วันต่อวัน เพราะว่าโรงงานปลาแจ้งมาว่าประมาณ 3 – 4 วันน่าจะดีขึ้น แต่ตนก็ไม่รู้ว่าจะดีขึ้นแค่ไหน ถ้าดีขึ้นในระดับที่แบกรับต้นทุนได้ ก็จะกลับมาเปิด
“ถ้าให้ไปขอขึ้นราคากับลูกค้า ไม่กล้าพูด เหมือนน้ำท่วมปาก ตอนนี้คำนวณต้นทุนแล้ว ถ้าจะขายให้ได้กำไรต้องขึ้นราคา 15 บาท แต่ตนไม่ขอขึ้นดีกว่า ไม่อยากซ้ำเติมกัน ช่วงนี้เงินก็หายากพอสมควร ยอมปิดร้านชั่วคราวจนกว่าจะคลี่คลาย แล้วค่อยกลับมาขาย โดยอยากให้รัฐบาลมาช่วยดูปัญหาตรงนี้ ว่าพอจะช่วยเหลืออะไรได้หรือไม่”