ก้อง ห้วยไร่ เปิดพื้นที่ อีหลีน่าคาเฟ่ ช่วยนักร้องหมอลำตกงาน ขายของ สร้างรายได้ เตือนสติ ศิลปินดาราไม่ควรยึดอาชีพเดียว
เห็นใจเพื่อนร่วมอาชีพที่ตกงานในช่วงโควิด นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ก้อง ห้วยไร่ จึงให้โอกาสพี่น้องศิลปินได้มีรายได้ ด้วยการเปิดพื้นที่ของตนเอง “อีหลีน่าคาเฟ่” ใน จ.สกลนคร ให้มาขายของ มีเงินใช้จ่ายช่วงที่ไม่มีงานจ้าง โดย ก้อง ห้วยไร่ ที่มาร่วมงานแถลงข่าว ชมภาพยนตร์ บักแตงโม ที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่ตนได้ช่วยพี่น้องร่วมอาชีพในยามวิกฤต พร้อมเตือนสติรุ่นน้อง ไม่ควรยึดอาชีพนักร้องดาราแค่อาชีพเดียว
โพสต์ล่าสุดดูเหมือนน้อยเนื้อต่ำใจในอาชีพ จะหันไปเป็นพ่อค้า เกิดอะไรขึ้น? “เปล่าครับ คือมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับทุกยุคทุกสมัยว่าศิลปินดารานักร้องไม่ว่าคุณจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนไม่มีใครเกิดมาเพื่อเป็นตำนาน มันเป็นคำพูดของพี่โอม ค็อกเทล ผมรู้สึกดีกับคำพูดนี้ คือเราอย่าคาดหวังกับอาชีพเดียวที่มีอยู่ เราต้องหาทางที่ให้ชีวิตไปต่อ พูดจริงๆ นะผมยังไม่เห็นศิลปินดาราคนไหนที่สามารถมีงานจ้างตั้งแต่เข้าวงการไปอีก 30-40 ปี ไปเรื่อยๆ น้อยมากที่จะยืนหยัดอยู่ในวงการได้ อย่าปล่อยให้อาชีพนักแสดงทำให้เรามองว่าฉันจะไม่หลุดจากอาชีพนี้ ฉันจะทำอาชีพนี้อาชีพเดียว ฉันจะไม่ทำอาชีพอื่น ฉันเป็นศิลปินแล้วฉันจะไม่ไปทำค้าขาย จะไม่ไปทำอาชีพเป็นกรรมกร อันนี้ไม่ได้ ก็เลยโพสต์ไปเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเราเองและให้กับน้องๆ รุ่นใหม่ว่า ความแน่นอนในโลกมันไม่มีแม้ว่าคุณจะโด่งดังแค่ไหน จะมีชื่อเสียงแค่ไหน มันก็จะเป็นช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น สุดท้ายถึงเวลาทุกคนก็โดนลืมหมดครับ ไม่มีใครเป็นตำนาน”
ช่วงที่ผ่านมา งานหดหายไปด้วย เลยทำให้มองถึงจุดนี้? “ใช่ครับ ผมว่าโรคระบาดครั้งนี้มันก็เป็นการสอนเราไปในตัวว่า ความแน่นอนมันไม่มีในโลกจริงๆ ในวันที่เราเฟื่องฟูพี่น้องศิลปินผมหลายคนกำลังมีชื่อเสียง กำลังมีงานจ้าง อยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ไปซื้อบ้านซื้อรถเสร็จปั๊บพอเจอสถานการณ์โควิด 3 ปีติดต่อกัน เราเห็นเพื่อนๆ เราโพสต์กันไม่ไหวแล้ว เงินจ่ายค่ารถค่าบ้านมันเริ่มไม่ไหวแล้ว เป็นห่วง แล้วเรารู้สึกว่าเราต้องสู้กันนะ เราอย่ามองว่าต้องมีอาชีพเดียว ทุกคนควรมีหลายอาชีพ”
เจอสถานการณ์แบบนี้เราให้กำลังใจตัวเองยังไง? “ผมใช้สนามฟุตบอลที่บ้านผม เป็นศูนย์รวมคนตกงาน แดนเซอร์ หมอลำ ชาวบ้าน ให้เอาของมาขายในสนามโดยที่รายได้ให้พวกเขาไปทั้งหมด โอเคมันก็ต้องมีการลงทุนสักหน่อยเพราะถ้าจะสร้างแลนด์มาร์กก็ต้องมีอะไรที่เป็นสิ่งปลูกสร้าง จากสนามฟุตบอลธรรมดาก็เริ่มมีเป็นคาเฟ่ มีที่ทานข้าว แล้วเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งเกิดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่คือ ถ้ำนาคา ที่บึงกาฬ ซึ่งมันเป็นทางผ่านจากอุดรฯไป ทำให้ชาวบ้าน พี่น้องศิลปินของผมมีอาชีพกัน อย่างน้อยไม่อดตาย ขายของไม่ได้ แต่ของที่เราขายมันก็ยังเป็นอาหารให้เรากินโดยไม่เป็นภาระกับครอบครัว”
ชาวบ้านได้รายได้จากการที่เราเปิดพื้นที่ให้เขาได้มาขายของ? “ก็ได้บ้างนะครับ แต่ไม่ใช่เป็นรายได้หลัก ถ้าใครมีชีวิตอยู่อีสาน เงิน 10 20 50 บาท สามารถซื้อกับข้าว ซื้อปลาทูมาตัวหนึ่งแล้วก็ทำเป็นน้ำพริกกินก็กินอิ่มทั้งครอบครัวได้เลย เพราะว่าข้าวเรามี เราทำนากันอยู่แล้ว ผักเรามี แต่ถ้าเกิดไม่มีเงิน ไม่มีรายได้เลยมันก็ไม่ได้”
แล้วเราเองจะไปเป็นพ่อค้า มองว่าจะไปขายอะไรบ้าง? “ผมอาจจะเป็นนักร้องที่ขายน้ำหวานที่เก่งที่สุดในจักรวาลก็ได้ครับ อนาคตข้างหน้ามันบอกไม่ได้ เจอข่าวบ่อยอยากเป็นกำลังใจให้พี่น้องศิลปิน อยากให้พี่ๆ แฟนคลับแฟนเพลงเป็นกำลังใจให้พวกเขาเหล่านี้ด้วยนะครับ จริงๆ อาชีพศิลปินดาราที่เราเห็นบอกว่าดาราตกอับ ดาราป่วย นักร้องไม่มีกินแล้ว รายได้หลักๆ จริงๆ มันไม่ได้เยอะมากนะครับ ถ้าเรารู้จักเขาจริงๆ คือหนึ่งงานเราไม่ได้รับเงินแค่คนเดียว ต้องบริหารกันทั้งวงอะไรมากมาย เราจะไปโทษอย่างเดียวไม่ได้ ต้องโทษตัวเองด้วย บางคนก็ใช้เงินผิด ก็เป็นกำลังใจให้พวกเขาด้วยนะครับ อย่างน้อยเขาเคยสร้างความสุขให้เราครั้งหนึ่ง”
วางแผนไว้แล้วว่าจะทำอะไรบ้าง? “ก็วางแผนไว้ว่าจะเป็นพ่อค้าทำสินค้าออกมาขาย แล้วก็เป็นศูนย์รวมกำลังใจให้เพื่อนๆ ดีกว่า เพราะผลกระทบไม่ต่างกัน จะไปโทษโรคระบาดมันก็ไม่ได้ จะไปโทษคนอื่นก็ไม่ได้ เราก็ต้องยืนด้วยตัวเราเองด้วย ก็เลยวางแผนไว้ว่าถ้ากำลังใจเรายังดีอยู่ กำลังกายเรายังไหวอยู่ ก็อยากจะเป็นศูนย์รวมให้เพื่อนๆ ว่าเราสู้นะเว้ย เราไม่จำเป็นต้องร้องเพลงอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องถ่ายละครอย่างเดียว วันหนึ่งเราไปขายส้มตำได้เงินโคตรเท่เลย ดีกว่าไปเป็นภาระสังคม อยู่ดีๆ แล้วไปโพสต์ขอเงินจากแฟนคลับช่วยผมด้วย แฟนคลับเอาเงินมาจากไหน แฟนคลับก็ทำงานเหมือนกัน ก็อยากให้พี่น้องศิลปินให้คิดถึงเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเรื่องใหญ่ด้วย”
ก่อนหน้าพื้นที่อีหลีน่าคาเฟ่โดนพายุ? “ใช่ เละเลยครับ ก็เป็นพายุฤดูร้อน ถ้าเราเป็นลูกพี่เขาเป็นกำลังใจให้เขา ถ้าเกิดเราหมดกำลังใจแล้วหลายๆ ชีวิตที่ฝากไว้กับเรา มีหลายวงมาก วงหมอลำ ไปแวะทานข้าวกับพวกเขาได้นะครับที่อีหลีน่าคาเฟ่ อร่อยไม่อร่อยอยู่ที่ดวงแล้วแต่วันนะครับ พ่อค้าแม่ค้าเปิดเน็ตจริงๆ (หัวเราะ) คือไม่รู้จะไปทำอะไร ผมว่าขายของขายกับข้าวกับสิ่งที่เรามี แล้วพอเจอผลกระทบตอนนั้นก็บอกว่าไม่เป็นไรเรายังพอมีเงินเก็บจากก่อนหน้าที่จะมีโควิด ก็ต้องขอบคุณหลายๆ คนที่ซัพพอร์ตมีงานจ้างในช่วงแรกครับ”
อย่างช่องทางในการขายต่างๆ เราได้ซัพพอร์ตเขาในเรื่องใช้โซเชียลมาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเขาขายของด้วยไหม? “ใช่ครับ ก็พยายามหากิจกรรมเพราะว่าบ้านเรามันเงียบจริงๆ มันไม่มีกิจกรรมอะไรเลย ทีนี้ก็ขอกิจกรรมทางผู้หลักผู้ใหญ่ว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่ใช่คอนเสิร์ต เพราะคอนเสิร์ตมันโอกาสเสี่ยงสูง ก็เป็นกิจกรรมกีฬา อย่างน้อยเป็นกีฬาพื้นบ้านให้คนบริเวณละแวกนั้นมาเที่ยวที่สนามเตะฟุตบอลกัน ใช้โซเชียลในการเรียกคนมาว่า วันนี้เรามีกิจกรรมเล่นวอลเลย์บอลนะ อาศัยนักวอลเลย์บอลนั่นแหละมาซื้อข้าวซื้อน้ำในสนามแล้วเงินก็หมุนเวียนกันอยู่ในนั้นครับ”
ถามถึงเรื่องลูกๆ เป็นยังไงบ้าง? “เมื่อช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ชีวิตกับลูกอีก 2 คนที่อยู่กับอดีตภรรยาที่เลิกรากัน ก็เห็นเด็กๆ สี่คน เราเป็นพ่อลูกสี่ เด็กๆ สี่คนอยู่ด้วยกันเขารักกัน เราก็ดีใจครับ ไม่ได้คาดหวังอะไรกับลูกๆ อย่าเป็นภาระสังคมพอ คนอาจจะคาดหวังว่าเป็นลูกพ่อต้องร้องเพลงเก่งต้องเรียนเก่งนะ ไม่เลย อย่าเป็นภาระสังคมพอ”
ได้เจอลูก 2 คนบ่อยแค่ไหน? “ไม่ค่อยบ่อยครับ ให้เกียรติทางครอบครัวของน้องด้วย ครอบครัวของอดีตภรรยาเพราะว่าบางทีเราไม่อยากจะไปก้าวก่ายอะไร ถ้าเกิดว่าเขามีความสุขอยากให้น้องๆ มาเล่นกับเรา ก็ให้มาอย่างนั้นดีกว่า ไม่ไปกดดันกัน แล้วแต่เขาสะดวกครับ”
แล้วน้องอีก 2 คนกับภรรยาคนปัจจุบัน? “กำลังโต และกำลังพูดภาษาต่างดาว ก็พยายามเข้าใจแหละ แต่มันเข้าใจยาก ตอนนี้เด็กโตมาจากยูทูบ พ่อกับแม่มีเวลาน้อยกับพวกเขา ก็พยายามอยู่ใกล้ๆ กลัวเลื่อนไปเจอสื่อที่มันแรงๆ หน่อยก็แค่นั้น สุดท้ายก็แล้วแต่เขาว่าจะดำเนินชีวิตยังไง สุดท้ายเราให้แค่ร่างกาย จิตใจเป็นของเขาครับ”
จะมีเพิ่มอีกไหม? “โห 4 คนแล้วครับ (หัวเราะ) ยังก่อนดีกว่า เบรกไว้ก่อนดีกว่า”