กลุ่มเขียนอนาคตกัญชาไทย แถลงหน้าทำเนียบฯ เรียกร้องสิทธิ์เข้าถึงกัญชา ก่อนปักหลักหน้ายูเอ็น ค้านพ.ร.บ.กัญชา-กัญชงของภูมิใจไทย ชี้ไม่ให้ประชาชนเข้าถึง
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 เม.ย.2565 ที่ด้านหน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กลุ่มเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย นำโดยนายอัครเดช ฉากจินดา ผู้ประสานงานกลุ่มเครือข่ายฯ และนายประสิทธิ์ชัย หนูนวล ที่ปรึกษากลุ่มเครือข่ายฯ จัดชุมนุมค้างแรม ตั้งแต่วันนี้ เพื่อคัดค้าน พ.ร.บ.กัญชา-กัญชง (ฉบับของพรรคภูมิใจไทย) โดยมีการจัดเตรียมสถานที่ พร้อมใช้รถเครื่องติดเครื่องขยายเสียงเปิดเพลงในการทำกิจกรรม
จากนั้นเวลา 15.00 น. นายอัครเดช ได้ประกาศให้มวลชนเคลื่อนขบวนไปทำกิจกรรม โดยอ่านแถลงการณ์ที่ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยมีมวลชนทยอยมาร่วมกิจกรรมในพื้นที่เพิ่มขึ้นประมาณ 100 คน ก่อนจะเดินเท้ามาถึงบริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ในเวลา 15.30 น. พร้อมรถติดเครื่องขยายเสียง
เวลา 16.00 น. นายอัครเดช อ่านแถลงการณ์ โดยระบุว่า เขียนอนาคตกัญชาไทย เขียน พ.ร.บ.กัญชาฉบับประชาชน แถลงการณ์การเข้าถึงกัญชาเป็นสิทธิขั้นฟื้นฐานในการเข้าถึงพืชพื้นเมืองของประชาชนว่า 1.การรวมตัวของประชาชนคนไทยในวันที่ 20 เม.ย.2565 มีเจตนาอย่างชัดแจ้งว่า ต้องการสิทธิพื้นฐานในการเข้าถึงพืชพื้นเมืองที่เรียกว่า กัญชา ซึ่งการเข้าถึงยา อาหารและผลิตภัณฑ์จากกัญชานั้น จะนำไปสู่สุขภาพที่ดีของคนไทยและเป็นหนทางสู่การขจัดความยากจนตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาของประเทศต่างๆทั่วโลก
2.พืชกัญชา ไม่เพียงแต่เป็นพืชพื้นเมืองของไทย แต่ยังเป็นพืชแห่งวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน เรามีภูมิปัญญาและคติชนท้องถิ่นมากมายเกี่ยวกับการนำพืชกัญชามาใช้ประโยชน์ทั้งด้านอาหารและยา ทว่า รัฐได้พรากกัญชาจากวิถีชีวิตของประชาชนด้วยการออกกฎหมายให้กัญชาเป็นยาเสพติด แม้ในปัจจุบัน กฎหมายประเทศไทยได้ถอดกัญชาออกจากยาเสพติดแล้วก็ตาม ส่วนพ.ร.บ.กัญชา-กัญชงฉบับใหม่ที่พรรคภูมิใจไทยส่งไปยังสภานั้น เครือข่ายฯ เห็นว่ากฎหมายไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ เพราะมีลักษณะกีดกันทางการค้าและกีดกันไม่ให้ประชาชนเข้าถึงพืชกัญชา
3.เครือข่ายฯ ขอแสดงเจตจำนงค์อย่างชัดเจนว่า เราไม่ได้ต้องการ“กัญชาเสรี”แบบไร้ขอบเขต แต่ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิพื้นฐานของพืชพื้นเมือง โดยเครือข่ายฯ เห็นด้วยว่าต้องมีกฎหมายและกฎเกณฑ์ควบคุมให้มีการใช้กัญชาอย่างเหมาะสม ซึ่งเราขอเรียกร้องให้พ.ร.บ.กัญชา-กัญชงฉบับใหม่นั้น ตั้งอยู่บนหลักการสำคัญคือกัญชาเป็นพืชพื้นเมืองที่ทุกคนควรเข้าถึงได้อย่างเป็นธรรม รัฐต้องส่งเสริมการพัฒนาสายพันธุ์และผลิตภัณฑ์ รวมถึงการกำหนดกฎเกณฑ์การคุ้มครองผู้บริโภค โดยพ.ร.บ.ฉบับใหม่จะต้องไม่กดกันประชาชนเหมือนพ.ร.บ.ฉบับพรรคภูมิใจไทย
4.ในมิติการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้น หากทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงพืชกัญชาในฐานะพืชพื้นเมืองและพืชแห่งวัฒนธรรมได้ โดยไม่ถูกกลไกทางกฎหมายกีดกันให้อยู่ในมือของกลุ่มทุนเช่นเดียวกับที่ปรากฎอยู่ใน พ.ร.บ.ของพรรคภูมิใจไทย พืชกัญชาจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่สามารถสร้างสรรค์ระบบเศรษฐกิจให้เกิดการกระจายผลประโยชน์แก่ประชาชนไทย ตั้งแต่ระดับชุมชน ไปถึงระดับประเทศได้อย่างแน่นอน
การเคลื่อนไหวของเครือข่ายฯ ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่การเรียกร้องเพียงเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับพืชกัญชาเพียงเท่านั้น แต่เคลื่อนไหวเพื่อความเป็นธรรมและเปลี่ยนแปลงการควบคุมทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย “9 มิถุนายน 2565 คืนอนาคตกัญชา ให้ประชาชน”
หลังอ่านแถลงการณ์จบ กลุ่มมวลชนได้เดินทางกลับไปปักหลักต่อหน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางกลับออกจากทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 16.23 น.