สื่อนอกตีแผ่ ขบวนการค้าเฮโรอีน บดเป็น “แป้ง” จากไทย ขนกลับไทเป
ข่าวสด ถอดความจากรายงานชุด “บันทึกทริปจัดซื้อและขนยา” ของ มิร์เรอร์มีเดีย นิตยสารแท็บลอยด์ไต้หวัน เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2565
แก๊งค้ายาเสพติดในไต้หวันที่มีหัวหน้าเป็นผู้หญิงคือ น.ส.เซี่ย จะคัดเลือกคนที่ไม่ค่อยเดินทางไปเมืองไทย เพื่อช่วยขนยากลับมาไต้หวัน ยาที่ว่าเป็น เฮโรอีนผง ที่บดจาก เฮโรอีนอัดแท่ง บรรจุมากับกระป๋องแป้งทาตัวที่เป็นสินค้าขายดีที่สุดกับสบู่ก้อน และนำกลับมาไต้หวัน
น.ส.เอ (นามสมมุติ) นักบัญชีในนครนิวไทเป อดใจไม่ไหวด้วยค่าตอบแทนสูงลิ่ว 140,000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (ราว 162,000 บาท) ในการเข้าร่วมทริปที่มีฉากหน้าเป็นธุรกิจจัดซื้อ น.ส.เอได้รับมอบหมายในการจัดกลุ่มเดินทางไปเมืองไทย แสร้งเป็นตัวแทนลูกค้าไปจัดซื้อสินค้ายอดนิยมกลับมาขายในไต้หวัน
แต่แล้ว น.ส.เอกลับกลายเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการขนเฮโรอีนข้ามพรมแดน ต้องรับโทษจำคุก 10 ปี ก่อนหน้านี้ถูกคุมขังมา 2 ปี และยังพัวพันกับคดีความมาจนตอนนี้ จึงเสียใจมากกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
…………..
กระบวนการจัดส่งเหมือนบทหนัง แป้งไทยโด่งดังกลายเป็น “เฮโรอีน”
น.ส.เอตัดสินใจเปิดโปงวิธีการขนยาเสพติดแบบใหม่โดยแก๊งค้ายา และเป็นอุทาหรณ์ไม่ให้คนหนุ่มละโมบกับเงินที่ได้มาอย่างคาดไม่ถึง มิฉะนั้น จะต้องจบลงอย่างน่าเศร้าที่สุด
น.ส.เอ ผู้หญิงวัยราว 40 ปี กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “แม้ว่าฉันเคยสงสัยว่ามันจะได้กำไรเกินจริงไปไหม แต่ฉันขึ้นเครื่องบินไปโดยไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ได้คิดว่าค่าใช้จ่ายจะมากมายอะไร” และแก๊งค้ายาจะใช้กลุ่มจัดตั้งไปจัดซื้อสินค้าในเมืองไทยเพื่อปกปิดการก่ออาชญากรรม
แก๊งค้ายาจะสรรหา “มือใหม่” ที่ไม่ได้ไปต่างประเทศบ่อยๆ ช่วยขนสินค้าจากเมืองไทยกลับมาไต้หวัน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของศุลกากรและตำรวจ ส่วนเฮโรอีนผงจะบดจากเฮโรอีนอัดแท่ง และตบตาเป็นแป้งทาตัวขายดี นำเข้ามาไต้หวันในรูปแบบของ “กลุ่มหิ้วของ”
น.ส.เอเปิดเผยว่า น.ส.เซี่ยทำแบบสำเร็จมาอย่างน้อย 10 ครั้ง และไม่เคยถูกจับได้ก่อนจะพลาดท่าครั้งนี้ จากนั้น มีการค้นพบแหล่งที่มาของยาที่ส่งมาทั้งหมด
น.ส.เอ ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี เดิมทำงานปกติ แต่อยากทำงานนอกเวลา เนื่องจากภูมิหลังครอบครัวไม่ดี น.ส.เอได้พบกับน.ส.เซี่ยผ่านการแนะนำของ เพื่อนคนหนึ่ง น.ส.เซี่ยอ้างว่าประกอบธุรกิจจัดซื้อสินค้าจากไทยเข้ามาขายในไต้หวัน แต่ขาดกำลังคน จึงขอให้น.ส.เอเข้าร่วมทีม
แม้ว่าน.ส.เอดีใจมากที่จะได้หาเงินเพิ่ม แต่กังวลว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมายหรือไม่ ก่อนเดินทางไปเมืองไทย น.ส.เอถามเพื่อนคนนั้นว่า “เป็นไปได้ไหมว่าจะนำของเถื่อนเข้ามา” เพื่อนคนนั้นบอกว่า “หากเป็นของเถื่อน พี่สาวของฉัน (หมายถึงน.ส.เซี่ย) จะไม่พาเธอไปที่นั่นหรอก ตอนแรกพ่อของฉันอยากไป แต่ฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่ไว้ใจได้”
จากนั้น น.ส.เอติดตามกับน.ส.เซี่ยและทีมงานคนอื่นๆ ไปเมืองไทยในเดือนมิ.ย. 2562 เพื่อเริ่มประสบการณ์การจัดซื้อสินค้าในเมืองไทยเป็นครั้งแรก ก่อนเดินทางกลับไต้หวันอย่างราบรื่น น.ส.เอพบว่าจัดซื้อสินค้าในเมืองไทยทำกำไรได้มาก เช่น นำยากันยุง 4 กระป๋อง 280 บาท มาขายในไต้หวันกระป๋องละ 280 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (ราว 325 บาท) ส่วนต่างของราคา 4 เท่าทำให้น.ส.เอพอใจ
ดังนั้น 3 เดือนต่อมา น.ส.เซี่ยมอบหมายน.ส.เอไปจัดซื้อสินค้าในเมืองไทยอีกครั้ง น.ส.เอตอบตกลง แต่ครั้งนี้น.ส.เซี่ยขอให้น.ส.เอช่วยหากำลังคนมาเสริม และนอกจากการจัดซื้อสินค้า น.ส.เซี่ยขอให้น.ส.เอและทีมงานของน.ส.เอช่วยนำ “กล่องสินค้า” อีก 1 ใบกลับมาด้วย และจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน 140,000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (ราว 162,000 บาท)
น.ส.เอรู้สึกว่า เงิน 140,000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่กับการแค่นำกล่อง 1 ใบ กลับมาเป็นค่าตอบแทนสูงลิ่ว จึงสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมายหรือไม่ แต่เมื่อนึกถึงการจัดซื้อสินค้าในเมืองไทยเข้ามาขายในไต้หวันที่ได้กำไรมากอยู่แล้ว และน.ส.เซี่ยรับรองว่าในกล่องมีเพียง “เซ็กซ์ทอยส์” น.ส.เอจึงรับงาน และหาเพื่อนมาได้อีก 2 คนคือ นายเกา และ นายหลี่ และทั้งสามเจรจาที่จะแบ่งค่าตอบแทนเท่าๆ กัน เมื่องานสำเร็จ
น.ส.เซี่ยจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมแก่น.ส.เซี่ย นายเกา และนายหลี่ และก่อนทั้งสามจะเดินทาง น.ส.เซี่ยส่งข้อมูลตั๋วเครื่องบินและที่พักของทั้งสาม พร้อมโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง แก่ผู้ชายอีกคนชื่อนายเจิง จากนครเกาสฺยง ที่จะร่วมทริปไปด้วย
กำหนดการเดินทางของกลุ่มจัดซื้อสินค้าคล้ายกับครั้งก่อน นายเจิงและทีมงานของน.ส.เอมาถึงกรุงเทพมหานครและเข้าร่วมในกรุ๊ปทัวร์ท้องถิ่น นอกจากชมการแสดงและนวดแผนไทย ยังไปไฮเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อครีมสมุนไพร ยากันยุง และของอื่นๆ และใช้เวลาสักการะเทพเจ้างูด้วย
แต่เพียง 1 คืนก่อนกลับไต้หวัน นายเจิงปลีกตัวไปเอา “ของ” และปล่อยให้ทีมงานของน.ส.เอเที่ยวตลาดกลางคืนไป ภายหลัง ทีมงานของน.ส.เอทราบว่า ก่อนออกจากเมืองไทย น.ส.เซี่ยขอให้นายเจิงโทรศัพท์หาตัวการเบื้องหลังที่มีชื่อเล่น “เกอ” ในคืนก่อนกลับไต้หวัน และให้นายเจิงทำตามคำแนะนำของ “เกอ” ไปจุดนัดพบในเมืองไทย เพื่อรับ “กล่อง” และทิ้งโทรศัพท์มือถือก่อนออกมาจากจุดนัดพบ
หลังได้รับกล่องแล้ว นายเจิงจึงโทรศัพท์หาทีมงานของน.ส.เอทันทีเพื่อนัดพบที่โรงแรม วันรุ่งขึ้น นายเจิงและทีมงานของน.ส.เอพร้อมออกเดินทางไปขึ้นเครื่องบิน
มีเหตุผลว่าควรแบ่งของในกล่องออกเป็น 4 คนเท่าๆ กัน เพื่อประหยัดค่าธรรมเนียมเช็กอินสัมภาระ แต่นายเจิงบอกว่าไม่เป็นไร และจะหาทางแก้ปัญหาเอง เมื่อมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพฯ นายเจิงเปลี่ยนสัมภาระให้เกินน้ำหนักที่ลงทะเบียน และส่งกล่องให้นายหลี่เก็บในกระเป๋าเดินทางของตัวเอง
เมื่อทุกคนมาถึงไต้หวันเพื่อเคลียร์ด่านศุลกากรทีละคน นายหลี่ถูกหยุดตรวจที่จุดตรวจศุลกากรและถูกนำตัวไปห้องเย็นเพื่อสอบสวน นายเจิงเมื่อเห็นเข้าจึงปลอบน.ส.เอทันทีและบอกว่า “อาจเป็นเพราะมีเซ็กซ์ทอยมากที่นำมามากเกินไป” น.ส.เอผ่านด่านศุลกากรออกมาเป็นคนแรก แต่ต้องรอลุ้นข่าวของนายหลี่และรู้สึกกังวล
ไม่กี่วันหลังจากนั้น น.ส.เอทราบจากคู่หมั้นสาวของนายหลี่ว่า นายหลี่ถูกกรมสอบสวนนำตัวไปเนื่องจากมีเฮโรอีนผงในกระเป๋าเดินทางของนายหลี่ น.ส.เอจึงรีบไปกรมสอบสวนเพื่อไปชี้แจง
เมื่อมาถึง น.ส.เอทราบจากพนักงานสอบสวนว่า ในกล่องที่นายหลี่ช่วยนำกลับมาไต้หวันมี เฮโรอีนผงที่บรรจุในกระป๋องแป้งทาตัว 10 กระป๋อง น้ำหนักสุทธิ 3,603.58 กรัม น.ส.เอถูกอัยการสอบปากคำ และถูกจับกุมในศาลในข้อหาต้องสงสัยขนยาเสพติดประเภทที่ 1 (เฮโรอีน) และกลายเป็นจำเลย และถูกคุมขังเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2562
หลังการดำเนินคดีและการพิจารณาคดีชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ น.ส.เอได้รับการปล่อยตัวด้วยความยินยอมของผู้พิพากษา 2 ปีต่อมา ส่วนนายเกาและนายหลี่ ที่น.ส.เอชักชวนไปเมืองไทยด้วยกัน ถูกพบว่าไม่ทราบตั้งแต่แรกว่าถูกพามาขนยาเสพติด และจะไม่ถูกดำเนินคดี
…….
ทำงานนอกเวลาหาเงินเพิ่ม จัดซื้อสินค้าในเมืองไทย จบลงด้วยความทุกข์
การพิจารณาคดีที่ผ่านมาชี้ว่า น.ส.เซี่ย สมคบคิดกับตัวการเบื้องหลังที่มีชื่อเล่น “เกอ” เพื่อขนเฮโรอีน และน.ส.เซี่ยวางแผนขนเฮโรอีน 2 ครั้งในปี 2562
ครั้งแรก น.ส.เซี่ยส่ง น.ส.เอ และ นายเจิง ไปเมืองไทย ส่วนครั้งที่สอง ส่ง นายหวง ไปเมืองไทย ทั้งสองครั้ง แก๊งค้ายาใช้ชื่อตัวแทนผู้จัดซื้อ และมอบโทรศัพท์มือถือแก่นายเจิงและนายหวงคนละ 1 เครื่อง และขอให้ทั้งสองฟังคำสั่งทางโทรศัพท์จาก “เกอ” ในเมืองไทย จากนั้น ไปจุดนัดพบเพื่อรับกล่องที่ซุกซ่อนยาและทิ้งโทรศัพท์มือถือ และหาทางนำกล่องมากลับมาไต้หวัน
การขนยาทั้งสองครั้งถูกจับได้เมื่อเข้าไต้หวัน แม้ว่าน.ส.เอและคนอื่นๆ จะโต้แย้งว่า ทราบแต่ว่าในกล่องมีเซ็กซ์ทอยส์ ตอนแรกคิดว่าแปลกๆ แต่สุดท้ายไม่ได้คิดอะไรมาก แต่การพิจารณาคดีชั้นอุทธรณ์ชี้ว่า เป็นไปไม่ได้ที่น.ส.เอจะไม่ทราบว่า ในกล่องมียาเสพติด น.ส.เอถูกตัดสินจำคุก 10 ปี ส่วนน.ส.เซี่ยถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 2 กระทง
อย่างไรก็ตาม ศาลสูงสุดชี้ว่า เหตุผลและการสอบสวนไม่สมบูรณ์ คดีทั้งหมดจึงถูกยกฟ้องและตีกลับ ทำให้น.ส.เอมีโอกาสที่จะได้รับการแก้ไขโทษให้เบาลง
…………..
หลายเหตุผลที่ทำให้การตัดสินโทษขนยาเสพติดหนักขึ้น
เป็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง นายเกาและนายหลี่ไม่ถูกตั้งข้อหา ส่วนน.ส.เอถูกตัดสินจำคุก 10 ปี นักกฏหมายอธิบายว่า ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า จำเลยรู้มาก่อนหรือไม่ว่า สินค้าที่จัดซื้อมาที่จริงแล้วเป็นยาเสพติดหรือไม่ และเป็นยาเสพติดประเภทอะไร
นายเจิง เวยไข่ ทนายความแห่งสำนักงานกฎหมายหวงกวงจ่าน ชี้ว่า จำเลยในคดีนี้เชื่อผิดๆ ว่า นำสินค้าช้อปปิ้งออนไลน์จากเมืองไทยกลับมาไต้หวัน ความจริงแล้ว เป็นธรรมดามาก ประชาชนทั่วไปไม่คุ้นเคยกับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการนำของจากต่างประเทศกลับมาไต้หวัน แก๊งค้ายาจะใช้คนเหล่านี้ในการลักลอบนำเข้าหรือค้ายาเสพติด เนื่องจากคนพวกนี้ที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพท้องถิ่นในต่างประเทศและกฎควบคุมที่เกี่ยวข้องกับการเข้าเมือง
นายเจิง เวยไข่ ชี้ว่า หนึ่งในประเด็นสำคัญของข้อขัดแย้งในคดีนี้คือว่า จำเลยทราบหรือไม่ว่า ของในกล่องที่นำเป็นของต้องห้ามที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย หรือแม้แต่เฮโรอีน ซึ่งเป็นยาเสพติดประเภทที่ 1 เมื่อพิจารณาจากหลักฐานในสำนวน ความจริงแล้ว เป็นไปได้มากที่จำเลยที่เกี่ยวข้องไม่ทราบว่ากำลังนำอะไร ในส่วนนี้ อัยการควรเป็นฝ่ายรับภาระพิสูจน์อันมากมายไป
ส่วนคำพิพากษาศาลชั้นอุทธรณ์อาศัยข้อเท็จจริงที่ว่า เมืองไทยส่งออกยาเสพติดไปต่างประเทศบ่อยๆ และถึงขั้นออกเป็นข่าวเป็นประจำ สันนิษฐานว่าจำเลยที่เกี่ยวข้องจะต้องทราบว่า ของที่ได้รับเป็นเฮโรอีน
นายเจิง เวยไข่ ชี้ว่า แม้ว่าจำเลยที่เกี่ยวข้องอาจทราบว่า ของในกล่องเป็นของต้องห้าม แต่ยังมีของต้องห้ามหลายอย่าง แม้แต่ยาเสพติดยังแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ในกรณีไม่มีหลักฐาน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตัดสินว่า จำเลยทราบว่าของในกล่องเป็นเฮโรอีน จึงเป็นปัญหาที่เห็นได้ชัดในการตัดสินให้จำเลยมีความผิดในข้อหาขนยาเสพติดประเภทที่ 1 (เฮโรอีน)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ไต้หวันยึด “เฮโรอีนบริสุทธิ์” 6 พันล้านบาท ซุกไม้จากไทย หัวหน้าแก๊งเผ่นไปจีน