บูรณาการภาครัฐ-เอกชน เร่งกำจัดวัชพืชน้ำ เขื่อนกิ่วลม-กิ่วคอหมา

Home » บูรณาการภาครัฐ-เอกชน เร่งกำจัดวัชพืชน้ำ เขื่อนกิ่วลม-กิ่วคอหมา


บูรณาการภาครัฐ-เอกชน เร่งกำจัดวัชพืชน้ำ เขื่อนกิ่วลม-กิ่วคอหมา

ลำปาง ภาครัฐ-เอกชน ร่วมบูรณาการกำจัดจอกแหนหูหนู ท้องน้ำเหนือเขื่อนกิ่วลม คาด 2 เดือน คลี่คลายคืนความสวยงาม กระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นท่องเที่ยวจังหวัด กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง

19 มี.ค.2565 – เจ้าหน้าที่ หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน จ.ลำปาง ร่วมบูรณาการ นำอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องจักรขนาดใหญ่ ลงกำจัดจอกแหนหูหนู ภายในบริเวณท้องน้ำเหนือเขื่อนกิ่วลม หลังเกิดการแพร่ระบาดหนัก ส่งผลกระทบโดยรวมต่อสภาพแวดล้อม คาดภายใน 2 เดือน จะแก้ไขสถานการณ์ให้กลับมาเป็นปกติ

โดยมี นายอนวัช สัตตบุศย์ ปลัดจังหวัดลำปาง พร้อม นายพีรยุทธ์ เหมาะพิชัย ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา ร่วมปฎิบัติงาน ที่บริเวณท่าล่องแพสำเภาทอง ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม เพื่อวางแนวทางการทำงาน และการกำจัดวัชพืชน้ำแพร่ระบาดท้องน้ำเหนือเขื่อนกิ่วลมคลี่คลายโดยเร็ว

นายพีรยุทธ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาวัชพืชน้ำแพร่ระบาด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการกำหนดขอบเขตการดำเนินงาน 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน ระยะดำเนินการ และระยะสู่ความยั่งยืน เบื้องต้นจะได้ร่วมกันเร่งกำจัดวัชพืชน้ำ “จอกแหนหูหนู” ตรงจุดบริเวณท่าล่องแพสำเภาทอง ยาวขึ้นไปตามเส้นทางเหนือท้องน้ำครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1.6 ตารางกิโลเมตร ออกไปให้หมดเสียก่อน

ต่อจากนั้น จึงจะดำเนินการ ระยะที่สอง กำจัดวัชพืชน้ำตลอดเส้นทางน้ำที่เหลือ โดยจะใช้กำลังคนจากหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องช่วยกันจัดทำทุ่นลอยน้ำชั่วคราว ทำการจำกัดพื้นที่กักจอกหูหนูไว้เป็นช่วงๆ จึงค่อยทำการตักจอกหูหนูขึ้นมาจากน้ำและนำออกไปทิ้งให้หมด คาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในเดือนเมษายน-พฤษภาคม นี้

ส่วนระยะสุดท้ายคือ การทำให้เกิดความยั่งยืน ได้มอบหมายให้หน่วยงานในเขตท้องที่สองอำเภอ คือ อ.เมืองลำปาง และ อ.แจ้ห่ม จัดกำลังคนคอยเฝ้าติดตามสภาพการณ์กำจัดวัชพืชน้ำที่ยังหลงเหลือ เพื่อให้ตลอดทั้งลำน้ำมีความสะอาดสดใส ให้เขื่อนกิ่วลมได้กลับมาสวยงามเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นการท่องเที่ยวของจังหวัดลำปางให้กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ จากปัญหาวัชพืชน้ำ “จอกแหนหูหนู” ที่กำลังเกิดการระบาดแพร่ขยาย วงกว้าง ตั้งแต่บริเวณคุ้งน้ำผาเกี๋ยง มาจนถึงบริเวณท่าล่องแพสำเภาทอง น้ำรวมกว่า 1,000 ไร่ หรือ ประมาณ 1.6 ตารางกิโลเมตร

หากปล่อยทิ้งไว้ย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ คุณภาพน้ำจะลดต่ำถึงขั้นเน่าเสีย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค ตลอดจนยังจะก่อให้เกิดปัญหาเป็นอุปสรรคในการสัญจรทางน้ำ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของ จ.ลำปาง

จึงต้องมีการบูรณาการดำเนินการแก้ไขปัญหาพร้อมทั้งมีการประสานขอรับการสนับสนุนเครื่องจักรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำเรือกำจัดวัชพืชแบบตักเก็บทิ้งชายฝั่ง รถแมคโครทั้งแมคโครบก และแมคโครลงโป๊ะ รถไถ รถบรรทุก 6 ล้อ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับทำทุ่นลอยน้ำเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหากำจัดวัชพืชน้ำให้หมดไป.

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ