แคนนอนประกาศพัฒนากล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมตัวท็อป จัดเต็มไม่ยั้งใน EOS R3

Home » แคนนอนประกาศพัฒนากล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมตัวท็อป จัดเต็มไม่ยั้งใน EOS R3



แคนนอนประกาศพัฒนากล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมตัวท็อป จัดเต็มไม่ยั้งใน EOS R3

เตรียมนับถอยหลังสู่การต้อนรับสมาชิกใหม่ล่าสุดของกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมในตระกูล EOS R – Canon EOS R3

แคนนอนประกาศพัฒนากล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมตัวท็อป จัดเต็มไม่ยั้งใน EOS R3 พร้อมสุดยอดตัวเลนส์ RF เพื่อมืออาชีพพร้อมกับอีก 3 รุ่น เสริมความแข็งแกร่งของการเป็นผู้นำตลาดกล้องดิจิทัลถอดเปลี่ยนเลนส์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

แคนนอนเผยโฉมกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม EOS R3 ที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์สุดล้ำ แข็งแรงทนทาน มั่นใจได้ ในแนวคิด ‘High Speed, High Sensitivity and High Reliability’ พร้อมท้าทายทุกช็อต สะกดทุกความเร็วมาพร้อมเลนส์ RF ใหม่ 3 รุ่นที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบ EOS R System

 eosr3_front

ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานของช่างภาพระดับมืออาชีพและช่างภาพมือสมัครเล่นระดับจริงจัง ประกอบไปด้วย RF400mm f/2.8L IS USM และ RF600mm f/4L IS USM เลนส์ซุปเปอร์เทเลโฟโต้ในตระกูล L สองรุ่นแรกบนเม้าท์ RF พร้อมทั้ง RF100mm f/2.8 L Macro IS USM เลนส์มาโครเทเลระยะกลางตัวแรกของโลกที่มีอัตราขยายสูงถึง 1.4 เท่า

โดยทั้งกล้อง EOS R3 และเลนส์ RF ทั้ง 3 รุ่นนี้ ถือเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำในตลาดกล้องดิจิทัลถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ให้กับผู้บริโภคถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันก้าวกระโดดที่แคนนอนพร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งขับเคลื่อนจินตนาการให้เหนือขีดจำกัดอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

ทลายทุกขีดจำกัดในการถ่ายภาพกับ EOS R3

กล้อง EOS R3 ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด ‘High Speed, High Sensitivity and High Reliability – รวดเร็ว ฉับไว และเชื่อถือได้’ โดยถูกวางตำแหน่งไว้เป็นกล้องสำหรับช่างภาพมืออาชีพและและมือสมัครเล่นระดับจริงจัง เช่นเดียวกับกล้อง DSLR เรือธงอย่าง EOS-1D X Mark III (เปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2563) และกล้องซีรีส์ EOS-5 รวมถึงกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม EOS R5 (เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2563) กล้อง EOS R3 มุ่งมั่นที่จะมอบภาพถ่ายและภาพวิดีโอคุณภาพระดับมืออาชีพ แม้ในการจับภาพวัตถุที่เคลื่อนที่

EOS R3 เป็นกล้องตัวแรกในตระกูล EOS ที่ใช้เซ็นเซอร์ Backlit stacked CMOS ขนาดฟูลเฟรม 35 มม. ที่พัฒนาขึ้นใหม่จากแคนนอน เพื่อให้อ่านข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง ใช้ชิปประมวลผลภาพ DIGIC X ที่สามารถประมวลผลภาพด้วยความเร็วสูง ทำให้สามารถถ่ายภาพได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 30 ภาพต่อวินาที

พร้อมการทำงานของระบบออโต้โฟกัสและการวัดแสงอัตโนมัติแบบติดตามวัตถุอย่างต่อเนื่อง (AF/AE Tracking) เมื่อใช้โหมดชัตเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้เกิดการทำให้ภาพผิดรูป (Image Warping) ซึ่งเป็นสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อใช้ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และยังสามารถโฟกัสจับภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ในสภาพแสงน้อย เช่น พื้นที่ในร่มหรือฉากกลางคืนได้โดยมีสัญญาณรบกวนต่ำ

นอกจากนี้ EOS R3 ยังเป็นกล้องดิจิทัลตัวแรกของแคนนอนที่มีฟังก์ชันการควบคุมออโต้โฟกัสด้วยดวงตา (Eye Control AF) โดยคุณสมบัติใหม่นี้จะทำการเลือกกรอบออโต้โฟกัสโดยการตรวจจับการเคลื่อนไหวของดวงตาของผู้ใช้ขณะถ่ายภาพนิ่งโดยมองผ่านช่องมองภาพทำให้สามารถโฟกัสภาพได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องการสลับไปโฟกัสยังวัตถุใหม่ และยังตอบสนองการใช้งานระดับมืออาชีพด้วยการป้องกันฝุ่นและละอองน้ำระดับเดียวกล้องซีรีส์ EOS-1 รวมถึงมีการออกแบบตัวกล้องให้มีกริปแนวตั้งในตัว มีโครงสร้างที่แข็งแรง บึกบึน และใช้งานง่าย อีกทั้งยังสามารถใช้งานกับแอพพลิเคชัน Mobile File Transfer ของแคนนอนที่ออกแบบมาเพื่อความรวดเร็วของการทำงานในแบบมืออาชีพได้อีกด้วย

frame2-th

เข้าใกล้ทุกการแอ็คชันได้มากขึ้นด้วยเลนส์ไพรม์เทเลโฟโต้ระยะกลางและระยะไกลตระกูล L เม้าท์ RF ใหม่ 3 รุ่น

จากความตั้งใจในการสร้างความเป็นไปได้ให้เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อผู้ใช้งานของแคนนอน และระบบ EOS R System เสริมไลน์อัพเลนส์คุณภาพมากด้วยความโดดเด่นอย่าง RF100mm f/2.8 L Macro IS USM เลนส์มาโครเทเลโฟโต้ระยะกลางตัวแรกของโลก ที่มีอัตราการขยาย 1.4 เท่า  ในส่วนของเลนส์ซุปเปอร์เทเลโฟโต้อย่าง RF400mm f/2.8L IS USM และ RF600mm f/4L IS USM อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพในการถ่ายภาพระดับมืออาชีพและมือสมัครเล่นขั้นสูง พร้อมส่งมอบภาพถ่ายคุณภาพสูง เชื่อถือได้ และความทนทานในระดับสูง แคนนอนมุ่งมั่นที่จะเพิ่มความหลากหลายให้กับเลนส์เม้าท์ RF ให้มากขึ้น พร้อมประสิทธิภาพและคุณภาพที่ยอดเยี่ยม ให้เหมาะสำหรับการใช้งานและประเภทการถ่ายภาพที่หลากหลายต่อไป

01.covere_rf400f2.8l_rf600f4

RF100mm f/8 L Macro IS USM: เลนส์มาโครเทเลโฟโต้ระยะกลางตัวแรกของโลก

เลนส์ RF เป็นเลนส์ที่มีชิ้นส่วนด้านหลังอยู่ใกล้กับเซ็นเซอร์ภาพมากกว่า จึงทำให้ RF100mm f/2.8 L Macro IS USM เป็นเลนส์มาโครเทเลโฟโต้ระยะกลางตัวแรกของโลกที่มาพร้อมกำลังขยาย 1.4 เท่า ซึ่งอัตราการขยายสูงกว่าเลนส์มาโครทั่วไป (1 เท่า) ถึง 40%  ทั้งนี้ ที่อัตราขยาย 1 เท่าจะมีระยะโฟกัสอยู่ที่ 0.28 ม. ซึ่งห่างจากหน้าเลนส์ที่ 11.2 ซม. ในขณะที่หากต้องการถ่ายภาพที่มีอัตราขยาย 1.4 เท่าจะต้องโฟกัสที่ระยะ 0.26 ม. หรือห่างจากหน้าเลนส์ 8.6 ซม. จึงยังมีพื้นที่มากพอสำหรับการจัดแสงแบบพิเศษในการถ่ายภาพสินค้าหรือวัตถุที่มีขนาดเล็กอีกด้วย

เลือกโบเก้ในแบบของคุณ: RF100mm f/2.8L IS USM มาพร้อมกับวงแหวน SA (Spherical Aberration Control Ring) ที่ทำงานโดยใช้ Electronic cams และ Nano USM สองตัว โดยในการหมุนวงแหวน SA ผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งเอฟเฟคของโบเก้ให้ดูนุ่มนวลหรือคมได้ (ระดับของการเบลอ จะขื้นอยู่กับระยะห่างของการโฟกัส) ทำให้ผู้ใช้มีความยืดหยุ่นในการถ่ายภาพมากขึ้น เนื่องจากสามารถเลือกได้ว่าโบเก้ที่เหมาะกับการถ่ายภาพที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพบุคคล ดอกไม้ หรือแมลงก็ตาม

โฟกัสนุ่มนวลขึ้น แต่ให้ภาพคมชัดยิ่งขึ้น: เลนส์ RF100mm f/2.8L IS USM มีระบบป้องกันสั่นไหวสูงสุด 8 สต็อป เมื่อใช้งานร่วมกับกล้องในตระกูล EOS R ที่มีระบบป้องกันสั่นไหวในตัว โดยใช้ระบบป้องกันสั่นไหวแบบไฮบริด (Hybrid IS) ซึ่งจะช่วยลดการสั่นไหวของกล้อง ทั้งการสั่นไหวในแบบมุมก้ม-เงย (suppress angular camera shake -rotational) และการสั่นไหวของกล้องในแนวตั้ง (shift camera shake-linear)  เมื่อใช้มือเปล่าถือกล้อง ทำให้ผู้ใช้สามารถได้ภาพที่คมชัด

เลนส์ RF100mm f/2.8L IS USM เหมาะสำหรับการถ่ายภาพวัตถุที่มีการเคลื่อนไหว จากความรวดเร็วและแม่นยำของระบบออโต้โฟกัส  และในขณะเดียวกันยังมีความนุ่มนวล ราบรื่น ปราศจากเสียงรบกวนของออโต้โฟกัส จึงเหมาะสำหรับการบันทึกภาพเคลื่อนไหวอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถลุยไปในการถ่ายภาพกลางแจ้ง ด้วยการซีลกันฝุ่นและละอองน้ำตามแบบฉบับของเลนส์ในตระกูล L ของแคนนอน รองรับการใช้งานร่วมกับแฟลชเฉพาะเพื่อการถ่ายภาพมาโคร อย่าง Macro Ring Lite MR-14EXII and Macro Twin Lite MT-26EXII เพื่อความสวยสมบูรณ์แบบของการถ่ายภาพอีกขั้น

03.rf100f2.8lmacro_th

RF400mm f/8L IS USM และ RF600mm f/4L IS USM: เลนส์ซุปเปอร์เทเลโฟโต้คุณภาพสูง

RF400mm f/2.8L IS USM และ RF600mm f/4L IS USM เลนส์ซุปเปอร์เทเลโฟโต้เม้าท์ RF ที่ช่างภาพสัตว์ป่าและกีฬาที่ใช้กล้องมิเรอร์เลสต่างรอคอย มีประสิทธิภาพสูง ใช้ชิ้นเลนส์คุณภาพสูง เพื่อให้ได้ภาพถ่ายคุณภาพเยี่ยม เช่นเดียวกับเลนส์ในตระกูล L เม้าท์ EF รุ่นอื่น ๆ ของแคนนอน แต่เสริมด้วยคุณสมบัติเฉพาะตามแบบฉบับของเลนส์เม้าท์ RF เช่น ระยะโฟกัสใกล้สุดของเลนส์ RF400mm f/2.8L IS USM ลดลง 2.5 เมตร และระยะโฟกัสใกล้สุดของเลนส์ RF600mm f/4L IS USM ลดลง 4.2 เมตร

น้ำหนักเบา แต่ให้ภาพถ่ายนิ่ง คมชัด: มาพร้อมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่เพิ่มขึ้นเป็น 5 สต็อป และมีโหมด IS ให้เลือก 3 แบบ เพื่อให้เหมาะกับการเคลื่อนไหวของวัตถุ (วัตถุอยู่นิ่งกับที่/การแพนภาพ/วัตถุที่เคลื่อนที่แบบหลายทิศทาง) และมีน้ำหนักที่ลดลงจากเลนส์ EF รุ่นเดียวกันประมาณ 60 กรัม

การถ่ายภาพยนตร์ที่ไร้ที่ติ: เลนส์ทั้งสองสามารถควบคุมการตั้งค่ารูรับแสงระหว่างการบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้ละเอียดขึ้น โดยปรับได้ครั้งละ 1/8 สเต็ป (ในขณะที่เลนส์ EF = 1/3 สเต็ป) เพื่อให้สามารถเปลี่ยนค่าความสว่างของฉากได้อย่างราบรื่น แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแสงอย่างกะทันหัน เช่น เมื่อวัตถุเคลื่อนที่จากบริเวณที่มืดไปยังที่สว่าง ทำให้ภาพที่ได้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ทนทานและยืดหยุ่น: RF400mm f/8L IS USM และ RF600mm f/4L IS USM มีชีลป้องกันความร้อนที่ดีเยี่ยม ทนต่อรอยขีดข่วนและสภาพอากาศ รองรับสภาพแวดล้อมในการถ่ายภาพเกือบทุกประเภท เม้าท์เลนส์ ปุ่ม วงแหวนควบคุม และชิ้นส่วนต่างๆของเลนส์ได้รับการออกแบบมาให้กันฝุ่นและน้ำที่จะเข้ามาในเลนส์ โดยชิ้นส่วนด้านหน้าและด้านหลังของเลนส์ทั้งสองยังมีการเคลือบฟลูออไรน์เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันและน้ำเกาะที่พื้นผิวของเลนส์ได้

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานร่วมกับ Extenders RF 1.4x และ RF 2x เพื่อเพิ่มระยะโฟกัสให้ไกลขึ้นอีก โดยเมื่อใช้เลนส์ RF600mm f/4L IS USM ร่วมกับ Extender RF 2x จะทำให้ได้เลนส์ที่มีระยะโฟกัสไกลถึง 1200 มม. เลยทีเดียว

พร้อมกันนี้ แคนนอนยังได้เตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชันมือถือ ‘Mobile File Transfer’ ที่รองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ระบบ 5G สำหรับช่างภาพมืออาชีพที่ต้องการถ่ายโอนรูปภาพจากจุดที่ถ่ายภาพไปยังเซิร์ฟเวอร์ FTP / FTPS / SFTP ที่ต้องการ ให้ความสะดวกสบายและรวดเร็วจากขั้นตอนการทำงานในอดีตที่ต้องพึ่งพาคอมพิวเตอร์

โดยสามารถเลือกตั้งค่าการถ่ายโอนไฟล์ภาพได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการใช้งาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของขั้นตอนการทำงานหลังการถ่ายภาพให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ บนแอปพลิเคชันยังสามารถเพิ่มข้อมูล Metadata ของภาพ ตามมาตฐานของ IPTC (International Press Telecommunications Council)  ที่ใช้กันในสำนักข่าวและเอเจนซี่ต่างๆ รวมถึงสามารถบันทึกเสียงในรูปแบบ Voice Memo  ลงในรูปภาพ และถ่ายโอนจากกล้องไปยังอุปกรณ์มือถือได้อีกด้วย โดยเตรียมเปิดให้ใช้บริการแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2564 นี้

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ