กินเนสส์ฯเผย 2 หนุ่มทุบสถิติ ขับรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 5 หมื่นกม. ทั่วสหรัฐอเมริกา เน้นย้ำถึงความทนทานของรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีไม่แพ้รถยนต์
กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส์ประกาศคู่หูหนุ่มทำลายสถิติการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 35,000 ไมล์ทั่วสหรัฐอเมริกา ซึ่งการเดินทางครั้งนี้สร้างสถิติโลกอย่างเป็นทางการสำหรับการเดินทางที่ยาวนานที่สุดด้วยรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเดียว
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 64 ไรน์เนอร์ เซียตโลว์ ชาวเยอรมัน นักขับรถทางไกลมืออาชีพและดีเร็ก คอลลินส์ ชาวมะกัน ได้เริ่มต้นการเดินทางผจญภัยบนถนนครั้งยิ่งใหญ่ โดยใช้เวลา 97 วัน และเดินทางมากกว่า 57,566.297 กม. (35,770.0385 ไมล์) จากชายฝั่งสู่ชายฝั่งด้วยรถยนต์ไฟฟ้า
การเดินทางเริ่มต้นจากสำนักงานใหญ่ของ Volkswagen ในสหรัฐอเมริกาในรัฐเวอร์จิเนียด้วยรถยนต์ไฟฟ้า Volkswagen ID.4 ที่ไม่ผ่านการดัดแปลงแบตเตอรีและมอเตอร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเยี่ยมชมตัวแทนจำหน่าย Volkswagen 628 แห่งทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งผ่านภูมิประเทศหลากหลาย เช่น เทือกเขาร็อกกี หนองน้ำฟลอริดา ทะเลทรายนิวเม็กซิโก ป่าฝนในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ พื้นที่โอเรกอนที่ถูกไฟป่าทำลายล้าง รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง
ในการเดินทางที่ท้าทาย ทั้งคู่สามารถเดินทางไปยัง 49 รัฐได้ด้วยการชาร์จแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้า Volkswagen ID.4 โดยใช้เครือข่ายการชาร์จต่าง ๆ และเครือข่ายการชาร์จ Electrify America ของ Volkswagen ซึ่งระหว่างการเดินทางมีการหยุดมากกว่า 200 ครั้ง เพื่อชาร์จแบตเตอรีของยานพาหนะ ด้วยความช่วยเหลือของ HARTING Technology Group โดยนำเสนอโซลูชันการชาร์จและตัวเชื่อมต่อที่ใช้งานง่ายสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 64 พวกเขากลับมาที่จุดเริ่มต้น เพื่อเสร็จสิ้นการเดินทางโดยบรรลุสถิติการเดินทางที่ยาวนานที่สุดโดยรถยนต์ไฟฟ้าที่ไร้การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งสถิติครั้งนี้คือการเน้นย้ำถึงความทนทานของรถยนต์ไฟฟ้า
ไรน์เนอร์กล่าวว่า “บันทึกสถิติครั้งนี้ไม่เพียงแต่บันทึกความน่าเชื่อถือของ ID.4 เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถานะความพร้อมที่แท้จริงของโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในสหรัฐอเมริกาด้วย” ทางด้านจอน เดอซูซ่ากรรมการผู้จัดการของ HARTING Americas กล่าวว่า “เรามาที่นี่เพื่อพิสูจน์ว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นโซลูชั่นที่ใช้งานได้จริง ไม่ว่าคุณจะขับรถเป็นระยะทางสั้น ๆ หรือออกนอกเส้นทางทั่วประเทศ เทคโนโลยีก็อยู่ที่นั่น โครงสร้างพื้นฐานก็พร้อมเช่นกัน”
ขอบคุณที่มาจาก Guinnessworldrecords UPI