ศาลแคนาดาสั่ง กลุ่มคนขับรถบรรทุก ยุติการปิดกั้น สะพานข้ามพรมแดนสหรัฐ

วันที่ 12 ก.พ. บีบีซี รายงานว่า ผู้พิพากษาศาลสูงรัฐออนแทริโอ ทางใต้ของแคนาดา ออกคำสั่งให้กลุ่มคนขับรถบรรทุกยุติการปิดกั้นสะพานแอมบาสซาเดอร์ เส้นทางเชื่อมโยงทางการค้าที่สำคัญกับสหรัฐอเมริกา ระหว่างเมืองวินด์เซอร์ รัฐออนแทริโอ แคนาดา กับเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา

คำสั่งห้ามดังกล่าวมีผลตั้งแต่ 19.00 น. วันศุกร์ที่ 11 ก.พ. ตามเวลาท้องถิ่น หลังสะพานดังกล่าวถูกกลุ่มคนขับรถบรรทุกขนส่งข้ามพรมแดนในฝั่งแคนาดาออกมาปิดกั้นมาเป็นเวลา 5 วันแล้ว เพื่อต่อต้านการบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

คำสั่งห้ามดังกล่าวยื่นโดยทางการเมืองวินด์เซอร์และสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งโต้แย้งว่า พวกเขาสูญเสียมากถึง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,635 ล้านบาท) ต่อวันเนื่องจากม็อบรถบรรทุก

ต่อมา ตำรวจเมืองวินด์เซอร์ออกแถลงการณ์เพื่อ “ทำให้ผู้ประท้วงทราบอย่างชัดเจนว่าเป็นความผิดทางอาญา” ในการกีดขวางการข้ามพรมแดน และเสริมว่า การตัดสินโทษทางอาญาอาจนำไปสู่การยึดยานพาหนะและไม่สามารถเข้าสู่สหรัฐได้

ผู้ประท้วงอีกหลายร้อยคนยังจัดการชุมนุมต่อไปในใจกลางกรุงออตตาวา ขณะที่จุดผ่านแดนอีกสองแห่งที่ติดกับสหรัฐถูกผู้ประท้วงต่อต้านวัคซีนกีดขวางเช่นกัน

เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ก.พ. นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด หารือกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ เกี่ยวกับการปิดกั้นพรมแดน ทั้งคู่หารือความท้าทายร่วมกันที่พรมแดน โดยนายทรูโดให้คำมั่นที่จะดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อฟื้นฟูการค้าอีกครั้ง

นายทรูโดกล่าวกับชาวแคนาดาเมื่อวันศุกร์ที่ 11 ก.พ. ว่า “หากคุณเข้าร่วมการประท้วงเพราะคุณเบื่อกับโควิด คุณต้องเข้าใจว่าคุณกำลังฝ่าฝืนกฎหมาย ผลพวงที่ตามมาจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คุณไม่ต้องการจบลงด้วยการสูญเสียใบอนุญาตของคุณ ลงเอยด้วยประวัติอาชญากรรม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่องานของคุณ อาชีพของคุณ แม้กระทั่งความสามารถในการเดินทางไปต่างประเทศ รวมถึงสหรัฐด้วย ผมาได้ยินว่าคุณไม่พอใจกับโควิด ด้วยมาตรการที่มีอยู่เพื่อให้คนปลอดภัย เราได้ยินเสียงของคุณ ได้เวลากลับบ้านแล้ว”

นายกรัฐมนตรีแคนาดาเสริมว่า “เรายังไม่ถึงกับต้องเรียกทหารเข้ามา แม้จะแน่นอนว่าเราต้องพร้อมสำหรับทุกเหตุการณ์ใด”

คำพูดงของนายทรูโดมีขึ้น 1 วันหลังเจ้าหน้าที่สหรัฐหารือกับเจ้าหน้าที่แคนาดาเพื่อเรียกร้องให้ฝั่งแคนาดาใช้อำนาจรัฐบาลกลางยุติการประท้วงของกลุ่มคนขับรถบรรทุกในชื่อ ฟรีดอม คอนวอย (Freedom Convoy)

เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ก.พ. เช่นกัน นายดัก ฟอร์ด มุขมนตรีรัฐออนแทรีโอ กล่าวว่า การประท้วงดังกล่าวเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ขณะที่นายฟอร์ดประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งจะเพิ่มโทษสำหรับการกีดขวางโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เป็นจำคุกสูงสุดหนึ่งปีและปรับ 100,000 ดอลลาร์แคนาดา (2.5 ล้านบาท)

ก่อนมีคำสั่งห้ามผู้ประท้วง ด้านนายดรูว์ ดิลเกนส์ นายกเทศมนตรีเมืองวินด์เซอร์ ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นว่า ขั้นต่อไปคือขอให้ผู้ประท้วงสลายตัว หากปฏิเสธ จะเริ่มลากรถบรรทุกออกไปทีละคัน

“พวกเราทุกคนเคารพในจุดเด่นของระบอบประชาธิปไตยของเรา เรามีสิทธิที่จะแสดงออก ประท้วง และชุมนุม ไม่เป็นไร แต่สิ่งไม่ดีคือการตัดสินใจปิดด่านข้ามพรมแดนทางการค้าที่พลุกพล่านที่สุดระหว่างสองประเทศของเรา”

กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐเตือนว่า ฟรีดอม คอนวอย อาจเคลื่อนตัวออกจากรัฐแคลิฟอร์เนียในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อมุ่งหน้าสู่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงสหรัฐต่อไป

ทั้งนี้ 1 สัปดาห์ของการปิดกั้นสะพานแอมบาสซาเดอร์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 25% ของการค้าประจำปีระหว่างสหรัฐและแคนาดา ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์สั่นคลอน โรงงานของเจเนรัล มอเตอร์ส, ฟอร์ด, โตโยต้า และฮอนด้า จำต้องหยุดการผลิตและยกเลิกกะงานเนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วนที่เกิดจากการปิดกั้นสะพาน