เพื่อไทย ฟันธง เดือนพ.ค.นี้ รัฐบาลไปไม่ไหวแล้ว เหตุไร้เสถียรภาพ เจอทั้งศึกใน-ศีกนอก พรรคร่วมขัดแย้งกันเอง ยันฝ่ายค้านลุยใช้วิธีกดดันไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมสภา

เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2565 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ออกถ้อยแถลง รัฐบาลพร้อมเป็นเจ้าภาพประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC 2022) ต้อนรับผู้นำนานาชาติสู่ไทยในเดือนพ.ย.นี้ว่า ตนมองว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่รัฐบาลฝืนอยู่ต่อจนถึงช่วงนั้น

เห็นได้จากสถานการณ์การเมือง รัฐบาลเจอทั้งศึกในและศึกนอก รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่มีเสถียรภาพ มีหลายกลุ่มแยกตัวออกมาตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย ตลอดจนพรรคร่วมรัฐบาลก็มีขัดแย้งกันอยู่ ส่งผลให้รัฐบาลเดินหน้าต่อไปยาก และพร้อมจะจากกันได้ตลอด ท้ายสุด พล.อ.ประยุทธ์ อาจต้องยุบสภา หรือลาออก หรืออาจมีบางพรรคถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล

นายประเสริฐ กล่าวว่า คาดว่าเดือน พ.ค.นี้ จะถึงในช่วงจุดอิ่มตัวของรัฐบาล เนื่องจากกฎหมายลูกเสร็จ และเป็นช่วงที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 หากยื่นญัตติดังกล่าวแล้ว นายกฯ ไม่สามารถยุบสภาได้ นายกฯต้องลาออกอย่างเดียว

ส่วนการอภิปรายตามมาตรา 152 วันที่ 17-18 ก.พ. ฝ่ายค้านเตรียมชี้ให้เห็นรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ไปต่อไม่ไหว เน้นใน 4 เรื่องหลักทั้งเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง โรคระบาดทั้งโควิด-19 อหิวาต์ในหมู ทุจริตคอร์รัปชั่น และการปฏิรูปที่ล้มเหลวทุกเรื่อง

นายประเสริฐ กล่าวถึงสภาล่มเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ เพราะรัฐบาลมีความเชื่อมโยงกับสภา จึงเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลต้องช่วยกันประคับประคองให้สภาเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนที่อ้างเป็นเกมการเมืองของฝ่ายค้านที่ไม่อยู่ร่วมเป็นองค์ประชุมนั้น ยืนยันว่าการไม่แสดงตนเป็นหนึ่งในเครื่องมือกดดันรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทย จะยึดวิธีการนี้ต่อไป แต่ต้องยึดถึงผลประโยชน์ประชาชนเป็นอันดับแรก