ผู้ว่าระยองเผย ล่าสุดคราบน้ำมัน อยู่ห่างฝั่งเพียง 5 กิโลเมตร ไม่ยืนยันว่าจะเข้าสู่ชายหาดหรือไม่ ด้านกลุ่มผู้ประกอบการ สับรั่วซ้ำซาก ไม่มีใครเหลียวแล
จากกรณีท่อส่งน้ำมันของบริษัทสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด มหาชน รั่วกลางทะเลระยอง ตั้งแต่กลางดึกวันที่ 25 มกราคม 65 ได้ทะลักชายหาดแม่รำพึง-ก้นอ่าว และวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 65 ทางจังหวัดได้ออกแถลงว่า มีคราบน้ำมันค้างท่อกว่า 5,000 ลิตร ได้ไหลทะลักออกมาซ้ำอีกครั้ง ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันที่ 11 ก.พ. 2565 นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง ได้เดินทางมายังศูนย์บัญชาการเหตุการณ์น้ำมันรั่ว บ้านสบายสบาย หาดแม่รำพึง-ก้นอ่าว ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง พร้อมเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบล่าสุด คราบน้ำมันที่รั่วออกมาครั้งใหม่ 5,000 ลิตร ขยับเข้ามาใกล้ฝั่ง ห่างจากฝั่งประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งได้มีการสกัด ด้วยการกำจัดพื้นที่ของมวลน้ำมัน
โดยใช้บีชบูมกั้น พร้อมทั้งฉีดสารเคมีเพื่อสลายคราบน้ำมัน แต่เนื่องจากอยู่ในน้ำทะเล จึงยากแก่การประเมินว่าคราบน้ำมันจะเข้าสู่ชายหาดหรือไม่ แต่ทุกฝ่ายได้พยายามป้องกันเต็มที่ เพื่อเร่งสกัดเพื่อไม่ให้เข้าสู่ชายหาด นอกจากนี้จะมีการตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเหตุรั่วไหลที่แท้จริงอย่างละเอียดอีกครั้ง
ด้านนางสุวรรณา โดตี้ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจ.ระยอง พร้อมด้วยสมาชิกและตัวแทนผู้ประกอบการบังกะโลรีสอร์ท ร้านอาหาร ริมชายหาดแม่รำพึง จ.ระยอง ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้บริษัทต้นเหตุน้ำมันดิบรั่วลงทะเลระยอง ออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างเร่งด่วน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการดูแลแต่อย่างใด
นางสุวรรณา กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์น้ำมันรั่วลงทะเลระยองคราวนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ กลุ่มผู้ประกอบการบริเวณริมชายหาดแม่รำพึง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักกว่าทุกที่ จึงอยากเรียกร้องให้บริษัทต้นเหตุน้ำมันดิบรั่วลงทะเลออกมาดูแล เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยได้รับการเหลียวแลหรือเข้ามาพูดคุยกันเลย หากบริษัทต้นเหตุยังเมินเฉย จะมีการยกระดับประท้วงเพื่อเรียกร้องต่อไป
นายประเสริฐ แสงเมฆ ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านบางกะเฌอ หาดแม่รำพึง ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง กล่าวว่า กรณีที่มีน้ำมันรั่วซ้ำออกมาอีก 5,000 ลิตร นับเป็นความสะเพร่า และไร้มาตรการการป้องกันที่ดี เสมือนกับไม่มีความสนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งที่เหตุการณ์ครั้งแรกยังไม่จบ กลับมาซ้ำเติมอีก
ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมทางทะเลยังไม่รู้ว่าอีกกี่สิบกี่ร้อยปีถึงจะกลับสู่สภาพปกติ ความเดือดร้อนย่อมตกแก่ชาวประมงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องการให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ด้านพลเรือโทพ ลัอชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาค1 จัดกำลังพล จำนวน 50 นาย จากศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ทัพเรือภาค1 มาเตรียมความพร้อม เพื่อรับสถานการณ์หากมีน้ำมันเข้าสู่ชายหาด โดยเจ้าหน้าที่ต่างลงพื้นที่ตรวจสอบ ตลอดแนวชายหาดแม่รำพึง-ก้นอ่าว พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบ เบื้องต้นยังไม่พบมีคราบน้ำเข้ามาถึงบริเวณชายหาด