เต้ มงคลกิตติ์ ลุยซักฟอกรัฐบาล 6 เรื่อง จ่อยื่นป.ป.ช. ฟันต่อ ถ้าพบหลักฐานทุจริต เชื่อได้อภิปรายครั้งสุดท้าย ก่อน ประยุทธ์ ชิงยุบสภา

เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2565 ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงกรณีฝ่ายค้านได้ยื่นเสนอญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภา ได้แบ่งเวลาให้ตนไม่เกิน 30 นาที โดยตนมีเรื่องที่จะอภิปราย 6 เรื่อง ได้แก่

1.การทุจริตขึ้นราคาหมู ซึ่งที่ผ่านมาคนที่ได้ประโยชน์คือเจ้าสัว รวมถึงผู้มีอำนาจกำกับติดตามราคาหมู และคนใกล้ชิดนักการเมืองใหญ่ แต่คนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดคือประชาชน

2.ประสิทธิภาพบริหารงานของนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน โดยเฉพาะการดูแลเรื่องพลังงาน ราคาน้ำมัน และแก๊สหุงต้มที่ประชาชนกำลังเดือดร้อน แต่นายสุพัฒนพงษ์ รวมถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ไร้ประสิทธิภาพและไร้ปัญญาแก้ไขปัญหา

3.การจัดซื้อวิทยุสื่อสารของกระทรวงมหาดไทย 75,986 ชุด พร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน 145 ชุด ที่มีการประมูลที่สูง ซึ่งขอที่ประชุมครม. เสนอจัดซื้อจัดจ้างโดยบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ประมูลได้ในราคาต่ำสุด จากราคากลางที่ประมูล แต่เมื่อเทียบกับราคาท้องตลาดยังมีราคาที่สูง จึงเกิดความสงสัย แต่ตนยังไม่ได้บอกว่ามีการทุจริต

4.การหมดอายุสัมปทานดาวเทียมไทยคม 4 และไทยคม 6 ต้องตรวจสอบว่ารัฐบาลมอบให้บริษัทโทรคมนาคมฯ เป็นผู้ดำเนินการนั้น ถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ เพราะไม่มีการประมูล

5.ตนได้รับร้องเรียนจากแรงงานชาวเมียนมา ขอให้ตรวจสอบเรื่องค่าธรรมเนียมการต่ออายุของแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในไทย เนื่องจากพบว่ามีการเรียกจ่ายเงินคนละ 7,500-8,000 บาทต่อคน มีนายหน้าชาวเมียนมาและเจ้าหน้าที่ไทยร่วมกันดำเนินการ ซึ่งตรวจสอบพบว่าค่าธรรมเนียมดำเนินการ มีค่าใช้จ่าย 2,660 บาทต่อคนเท่านั้น จึงขอถามกระทรวงแรงงานและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่า ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็นค่าอะไร ซึ่งตนจะลงพื้นที่ตรวจสอบที่ จ.เชียงใหม่ ก่อน

6.จากที่กระทรวงอุตสาหกรรมให้ ร้านสะดวกซื้อ ได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) แต่ร้านค้าโชห่วยที่ไม่ได้รับการรับรอง มอก.จะทำอย่างไร เอื้อประโยชน์กลุ่มเจ้าสัวหรือไม่ และอนาคตร้านค้าโชห่วย จะถูกสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ตามไล่จับ จนเกิดช่องว่างระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนในการเอื้อให้เกิดการทุจริตหรือไม่ ถือว่าเป็นการกีดกันการค้าขายของประชาชนหรือไม่ และเลือกปฏิบัติหรือไม่

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า หากเรื่องใดที่มีหลักฐานมากพอ ตนจะยื่นให้ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป แม้ว่าการอภิปรายครั้งนี้จะไม่มีการลงมติ แต่ก็สามารถดำเนินคดีต่อไปได้ รวมถึงป้องปรามและป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตโดยมิชอบ อีกทั้งตนมองว่าการอภิปรายครั้งนี้จะเป็นการอภิปรายรัฐบาลครั้งสุดท้าย เพราะเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะยุบสภาก่อน จนไม่ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยประชุมหน้า