ความแจ่มชัดในการเลือกตั้ง“ผู้ว่าฯกทม.” สร้างความคึกคักยิ่งในทางการเมือง ไม่เพียงแต่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จะยื่นใบ ลาออกจาก ส.ส. ประกาศความพร้อมในการลงพื้นที่เพื่อรณรงค์หาเสียงอย่างเต็มที่ หาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็เตรียมแถลง“นโยบาย” แม้ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ จะถูก“ต้อนรับน้องใหม่”จากปมการสอบเรื่อง“ความร่ำรวย”จากคณะกรรมาธิการของสภา แต่ก็เป็นเพียงกีดขวางหนึ่ง ด้านหลักในทางการเมืองยังเป็นความคึกคัก ความสนใจในลักษณะ“รอคอย”คือจังหวะก้าวของแต่ละกลุ่มและพรรคการเมือง แม้จะยังไม่มีความแจ่มชัดจากพรรคพลังประชารัฐ แต่ที่ยืนยันมาอย่างต่อเนื่องก็คือการตระเตรียมตัวบุคคลเพื่อส่งลงสมัคร“สภากรุงเทพมหานคร” ขณะที่เริ่มมีคำถามต่อพรรคกล้า ต่อพรรคไทยสร้างไทย มีความเป็นไปได้เพียงใดที่พรรคกล้าจะส่งคนลงชิงชัยเหมือนที่ทำกับเขต 9 มีความเป็นไปได้เพียงใดที่พรรคไทยสร้างไทยจะสำแดงบท “เจ้าแม่กทม.” คำตอบจะทยอยออกมาอย่างเป็นระบบ ไม่นานเกินรอ สภาพการณ์ของการชิงชัยในตำแหน่ง “ผู้ว่าฯกทม.” เหมือนกับที่เกิดขึ้นในจตุจักร หลักสี่ นั่นก็คือ แม้ว่าตำแหน่งเดิมจะเป็นของพรรคพลังประชารัฐ แต่ความสนใจอยู่ที่ นายสุรชาติ เทียนทอง ซึ่งเป็นผู้ท้าชิงและเคยอยู่ในตำแหน่งนี้ เพียงแต่ของกทม.“เต็งหนึ่ง”กลับเป็น นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คำถามก็คือ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง จะประกาศเข้าชิงชัยหรือไม่ คำถามก็คือสถานะของ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ และ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นอย่างไร สามารถหายใจรดต้นคอ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หรือไม่ บรรยากาศทางการเมืองจึงเป็นบรรยากาศแห่งการต่อสู้ ผ่าน“การเลือกตั้ง” ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่เมืองพัทยา เท่ากับเป็นการอุ่นเครื่องก่อนการเลือกตั้งอย่างเป็นการทั่วไปทั่วประเทศจะมาถึง ทั้งหมดอยู่ที่การตัดสินใจของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา