อู๋ ม่ง ต๊ะ คือสุดยอดดาราภาพยนตร์ฮ่องกงที่พี่น้องชาวไทยสดุดีมาเสมอ ช่วงเวลาที่หนังฮ่องกงเขย่าโลก เราได้เห็นลีลาการแสดงที่สมบทบาทของนักแสดงผู้ล่วงลับท่านนี้มากมาย
และหนึ่งในบทบาทที่ทุกคนจำเขาได้ชัดที่สุดคือ “นักเตะแข้งทอง” แห่งตำนานภาพยนตร์ฟุตบอลผสมกำลังภายในอย่าง Shaolin Soccer หรือ นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ … แม้จะเป็นภาพยนตร์เบาสมอง แต่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความยอดเยี่ยมของหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน
นี่คือเรื่องตั้งแต่ก่อนรับบทบาทสำคัญ ไปจนถึงการแสดงชั้นครู และทิ้งตำนานเคมีที่ลงตัวร่วมกันกับ โจว ซิง ฉือ … ติดตามเรื่องราวของ อู๋ ม่ง ต๊ะ ในแบบฉบับ เส้าหลิน ซอคเกอร์ ได้ที่นี่
ตำนานนักเตะแข้งทอง
ไม่ต้องอธิบายอะไรกันเยอะสำหรับเรื่อง นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ เพราะเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ดูเรื่องนี้มาแล้ว และบางคนคงดูไม่ต่ำกว่า 2 ครั้งแน่ เพราะด้วยความสนุก ดรามา และสร้างสรรค์แบบครบรสนั่นเอง
หลายคนเทใจให้กับเหล่านักเตะในเรื่องไม่ว่าจะเป็นพระเอกอย่าง โจว ซิง ฉือ หรือพี่น้องร่วมสำนักเจ้าของฉายา ฝ่ามือยมฑูต, อาภรณ์เหล็ก, หัวเหล็ก, เท้าฟงอวิ๋น, พลิ้วไหวดั่งสายน้ำ เป็นต้น
เนื้อเรื่องทั้งหมดพูดถึงการสร้างทีมของ “ฟ่ง” รับบทโดย อู๋ ม่ง ต๊ะ ที่เป็นนักเตะแข้งทองเมื่อครั้งอดีต ทว่าการเป็นคนใจดีและเห็นแก่เงินเกินไป ทำให้เส้นทางชีวิตของเขาที่กำลังโด่งดังกลับวิ่งลงสู่ก้นเหว เมื่อเขาเลือกช่วยเหลือรุ่นน้องคนสนิทที่เล่นฟุตบอลในทีมเดียวกัน นั่นคือ “น้องสง” ด้วยการยอมรับเงินจำนวนหนึ่งเพื่อล้มบอลให้ทีมของตัวเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
การตั้งใจเตะลูกโทษข้ามคานในนาทีชี้เป็นชี้ตาย ทำให้แฟนบอลโกรธและกรูกันลงมาวิ่งถล่มฟ่งด้วยความแค้น มีแฟนบอล 2-3 คนใช้ไม้เบสบอลอัดเขาเข้าที่หน้าแข้งจนหัก ซึ่งเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ที่บอกได้ว่า “ตำนานนักเตะแข้งทองได้จบสิ้นลงแล้ว”
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็อย่างที่หลายคนรู้กัน ฟ่ง ต้องกลายเป็นคนข้างถนน และที่แสบกว่านั้นคือการกลับไปขอทำงานด้านฟุตบอลอีกครั้ง เพราะเป็นสิ่งเดียวที่เขาถนัดจาก “น้องสง” คนที่เขาเคยช่วยเหลือเมื่อครั้งอดีต ทว่าน้องสงที่วันนี้ ฟ่ง ต้องเรียกว่า “พี่สง” เพื่อเอาใจ กลับเห็นเขาเป็นแค่เศษขยะ ความแค้นและการรวมทีม “เสี้ยวลิ้มยี่” จึงเกิดขึ้น เพื่อคว้าแชมป์ระดับประเทศเหนือทีมของ “พี่สง” นั่นอง
จากเนื้อเรื่องตรงนั้นที่ดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ กลายเป็นหนังขายได้ที่ทำเงินไปทั่วทวีปเอเชีย เป็นภาพยนตร์ฮ่องกงเรื่องแรกที่ทำรายได้ 60 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ในบ็อกซ์ออฟฟิศฮ่องกง คว้าทั้งเงินและกล่อง อันหมายถึงรางวัลต่าง ๆ มากมาย
ขณะที่เมืองไทยนั้น วลีจากเรื่อง นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ ยังคงถูกใช้อย่างนิยมแม้กระทั่งทุกวันนี้ อาทิ “40-0 นี่มึงเล่นบอลหรือเป่ากบ”, “ล็อคหลบแบบดิจิทัล” , “เสาร์ห้าไม่ต้อง เส้าหลินมาเอง” , “เหลือสามหลึงมึงยังเอา” และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย
นักเตะเรื่อง เส้าหลิน ซอคเกอร์ เป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากความสำเร็จนั้น และเรื่องนี้ยังทำให้ใครหลายคนได้รู้ว่า การจับคู่ระหว่าง อู๋ ม่ง ต๊ะ กับ โจว ซิง ฉือ คือตำนานที่การันตีได้ว่า เจอกันเมื่อไหร่ ฮากันเมื่อนั้นแน่นอน
อู๋ ม่ง ต๊ะ แสดงบทบาทที่ครบเครื่องมากในเรื่องนั้น ยามที่ฮาก็ฮากันท้องคัดท้องแข็ง และในยามที่เล่นเศร้าเข้าชีวิตก็ทำให้คนดูอินได้ไม่ยาก …. และมันมีเหตุผลว่าทำไมเขาจึง “อิน” กับบทบาทของ “ฟ่ง” หรือนักเตะแข้งทองผู้ตกอับมากมายขนาดนั้น
ความอินในบทบาทนี้.. มีที่มา
ชีวิตของ อู๋ ม่ง ต๊ะ มีอะไรที่คล้ายกับบทบาทนักเตะแข้งทอง ในช่วงยุค 80s เขาเริ่มสร้างชื่อเสียงขึ้นมากับฐานะตัวรองในวงการละคร เล่นบทเพื่อนพระเอก และเป็นที่รู้จักในวงการหนังฮ่องกง เขาสนิทกับผู้กำกับและนักแสดงดังหลายคน โดยเฉพาะ เหลียง เฉา เหว่ย และ โจว เหวิน ฟะ เนื่องจากเป็นนักแสดงของบริษัท TVB ด้วยกันทั้งหมด
จุดเด่นของ อู๋ ม่ง ต๊ะ ในการแสดงคือการเป็นลูกคู่ที่เล่นกับพระเอกได้โบ๊ะบ๊ะมาก แม้จะไม่ใช่คนที่หน้าตาดีแบบพิมพ์นิยม แต่ลีลาทั้งคำพูด น้ำเสียง และมาดกวน ๆ ก็ทำให้เขากลายเป็นที่นิยมและที่รักของแฟนหนังฮ่องกงในเวลานั้น
ในช่วงที่ชื่อเสียงโด่งดัง อู๋ ม่ง ต๊ะ กลับเลือกเส้นทางที่ไม่ได้พยายามผลักดันตัวเองให้เต็มที่ และไม่ได้เก็บเงินที่หามาได้ด้วยการแสดง เขามีปัญหาทางการเงิน เนื่องจากติดพนันอย่างรุนแรง และยังมีเรื่องปัญหาเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง ว่าแม้จะทำงานหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ อู๋ ม่ง ต๊ะ ก็ยังมีหนี้สินติดตัวถึง 3 แสนดอลลาร์ฮ่องกงเลยทีเดียว
นั่นคือช่วงชีวิตที่ตกต่ำที่สุดของ อู๋ ม่ง ต๊ะ เขามีพรสวรรค์ในการแสดง แต่ก็ทิ้งมันไป เช่นเดียวกับ “ฟ่ง” ที่เป็นถึงนักเตะแข้งทองแต่กลับเห็นแก่เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ขายเกียรติให้กับการล้มบอล จนสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่เหลืออะไร
อู๋ ม่ง ต๊ะ เกือบฆ่าตัวตายในวันนั้น เนื่องจากหายืมเงินจากหลายคนมาใช้หนี้แต่ก็โดนปฏิเสธ โดยเฉพาะกับ โจว เหวิน ฟะ เพื่อนสนิทของเขาที่ไม่ให้ยืมเงิน จนทำให้ อู๋ ม่ง ต๊ะ เกลียด โจว เหวิน ฟะ อยู่พักใหญ่ กระทั่งเมื่อเข้ายุค 90s เขาได้ลืมตาอ้าปากจากงานแสดงเรื่อง “ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ” หนังโรแมนติกดรามาสุดเข้มข้น ที่กลายเป็นตำนานจนกระทั่งทุกวันนี้
อู๋ ม่ง ต๊ะ เล่นเป็นบทลูกคู่ของ หลิว เต๋อ หัว และดังระเบิดจนกลายเป็นภาพจำของคนทั้งทวีปเอเชียว่า อู๋ ม่ง ต๊ะ ต้องมาสไตล์ลูกคู่เท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้เขามีงานเข้ามาแบบไม่หยุด ซึ่งเบื้องหลังความดังนี้เกิดจากคนที่เขาเกลียดมาตลอดนั่นคือ โจว เหวิน ฟะ นั่นเอง …
โจว เหวิน ฟะ คือคนที่ช่วยคุยกับผู้กำกับเรื่อง ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ อย่าง เบนนี่ ชาน ให้เลือก อู๋ ม่ง ต๊ะ มาแสดงเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องเปลี่ยนชีวิตของ อู๋ ม่ง ต๊ะ อย่างแท้จริง และทำให้เขาได้รู้ภายหลังถึงเหตุผลที่ โจว เหวิน ฟะ ไม่ให้ยืมเงิน เพราะรู้ว่าถ้าให้ยืม อู๋ ม่ง ต๊ะ ก็จะเอาไปเล่นพนันและดื่มเหล้าอีก แต่การให้ อู๋ ม่ง ต๊ะ ได้ทำงานแลกเงิน คือการสอนให้เขาได้พยายามทำอะไรเพื่อตัวเอง
แม้แต่บริบทนี้ อู๋ ม่ง ต๊ะ กับ ฟ่ง นักเตะแข้งทองก็เหมือนกันอีก พวกเขาทั้งคู่เอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของคนอื่นที่ทำให้ตัวเองต้องมาเจอชีวิตที่ยากลำบาก ทั้งที่จริง ๆ แล้ว การตัดสินใจของตัวเองทั้งนั้นที่ทำให้ อู๋ ม่ง ต๊ะ และ นักเตะแข้งทอง ต้องมาดิ้นรนแทบตาย ทั้ง ๆ ที่มีชื่อเสียงและเงินทองอยู่ในมือของตัวเองแล้ว
ซึ่งท้ายที่สุดแล้วคนที่ทำให้เขากลับมาพบกับชื่อเสียงและเงินทองอีกครั้ง ก็เพราะความพยายามของตัวเองทั้งสิ้น เรียกได้ว่าเป็นบทบาทที่ทำให้เขานึกย้อนไปถึงตัวเองโดยแท้จริง
คู่หูตำนานตลอดกาลของ โจว ซิง ฉือ
หลังจากโด่งดังกับผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ในปี 1990 อู๋ ม่ง ต๊ะ ได้เจอกับบทบาทและคู่ขวัญที่ลงตัวที่สุดของเขานั่นคือการจับคู่กับ โจว ซิง ฉือ นักแสดงรุ่นน้องที่กำลังจะจ่อคิวเป็นราชาหนังตลกคนต่อไป
อู๋ ม่ง ต๊ะ เข้าคู่กับ โจว ซิง ฉือ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากเป็นคนที่มีเคมีนอกจอที่คล้ายกัน จนส่งผลให้เล่นกันโบ๊ะบ๊ะกลายเป็นคู่พระเอกพระรองในตำนาน ทั้งจากเรื่อง คนเล็กนักเรียนโต (Fight Back to School เข้าฉายปี 1991), คนกัดคน (Tricky Brains เข้าฉายปี 1991) และ ซีรี่ส์ “คนเล็ก” ต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งมาพีคสุด ๆ ก็ตอน นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ ที่รู้จักกันทั้งบ้านทั้งเมือง
น่าเสียดายที่ตำนานของทั้งคู่มาถึงกาลอวสาน โดยมี นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ เป็นเรื่องสุดท้ายที่ได้ร่วมงานกัน เวลานั้นมีข่าวลือพูดถึงทั้งคู่ว่ามีเรื่องบาดหมางไม่เข้าใจกัน จนทำให้ โจว ซิง ฉือ ไม่หนีบ อู๋ ม่ง ต๊ะ ไปเล่นในเรื่อง คนเล็กหมัดเทวดา (Kung Fu Hustle เข้าฉายปี 2004) และ คนเล็กของเล่นใหญ่ (CJ7 เข้าฉายปี 2008) ที่โดนคนวิจารณ์กันว่าไม่ตลกเหมือนตอนที่จับคู่กับ อู๋ ม่ง ต๊ะ เท่าไรนัก
เรื่องนี้ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่ว่าเพราะเหตุใดกันแน่ทั้งคู่จึงห่างเหินกัน และไม่ได้เกี่ยวข้องกันเป็น 10 ปี จนกระทั่งที่มีการเปิดเผยจาก อู๋ ม่ง ต๊ะ ในภายหลังว่า “เพราะไม่มีบทที่เหมาะสมให้กับเขาใน CJ7” จึงทำให้ไม่ได้เห็นเขาในหนังเรื่องนี้
แม้ปัญหาที่แท้จริงอาจจะไม่มีใครรู้ ทว่าเรื่องนึงที่ยืนยันได้แน่คือเรื่องของอาการเจ็บป่วยของ อู๋ ม่ง ต๊ะ ที่ทำให้เขาห่างจากวงการบันเทิง และรวมถึงห่างกับ โจว ซิง ฉือ ด้วย
ในปี 2014 เขาถูกหามส่งโรงพยาบาล และพบว่าเป็นโรคหัวใจติดเชื้อ เขาจึงเริ่มขยายความเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและ โจว ซิง ฉือ มากขึ้น
“จริง ๆ แล้วเราติดต่อกันเมื่อ 3 ปีก่อน เขาเข้ามาหาผมหลังจากรู้ว่าผมล้มป่วย เขาเชิญผมไปทำงานในหนังของเขาเรื่อง The Mermaid (หรือชื่อไทย เงือกสาว ปัง ปัง) ด้วย แต่ผมไปไม่ได้เพราะสุขภาพของผมไม่ดีเอาเสียเลย” อู๋ ม่ง ต๊ะ กล่าว
“แต่ความสัมพันธ์ของพวกเราก็เปลี่ยนแปลงไปแบบที่ต้องยอมรับ อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทำให้เราต้องห่างกัน ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามิตรภาพของเราจะกลับมาเหมือนเดิมได้ยังไง เขาควรมาหาผมก่อน หรือผมควรไปหาเขา แต่ที่สุดแล้วมันก็เป็นเรื่องน่าเศร้าอยู่ดี”
“ตอนนี้เขามีบริษัทตัวเองและมีชีวิตที่ดี ผมไม่รู้นะว่าเขามีความสุขหรือเปล่า แม้ตอนนี้เราจะมีความคิดที่แตกต่างกันไปบ้างในเรื่องการใช้ชีวิต แต่ที่แน่ ๆ หากผมมีโอกาสได้แสดงหนังของเขาอีกครั้งและร่วมงานกัน ผมบอกได้คำเดียวว่าผมจะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง”
แม้จะว่าเช่นนั้น อู๋ ม่ง ต๊ะ ก็ไม่เคยได้กลับมาแสดงหนังอีกเลยเนื่องจากปัญหาสุขภาพที่ไม่เคยจะดีขึ้น จนกระทั่งเกิดข่าวเศร้าอย่างที่เราได้ทราบกันว่า เขาได้ลาจากโลกใบนี้ไปแล้ว …
การอัปเดทครั้งสุดท้ายของ อู๋ ม่ง ต๊ะ ก่อนเสียชีวิต เขาเล่าว่าหมอให้พักผ่อนมาก ๆ ทว่าเขาเลือกจะไปนั่งเล่นไพ่นกกระจอกติดต่อกันนานถึง 10 ชั่วโมงเพราะเป็นสิ่งที่เขาโปรดปราน … โดยคำสัมภาษณ์ในวันนั้นเขากล่าวทิ้งท้ายว่า “ไพ่นกกระจอกน่ะรักษาได้ทุกอย่าง” ซึ่งประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะและบอกถึงตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดี
ท้ายที่สุดแม้ตัวของ อู๋ ม่ง ต๊ะ จะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ตำนานลูกคู่ของ โจว ซิง ฉือ จะอยู่กับโลกใบนี้ไปตลอดกาล … ทุกคนจะจดจำหนังเรื่องสุดท้ายของทั้งคู่อย่าง “นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่” เช่นเดียวกับ อู๋ ม่ง ต๊ะ เองที่ก็คงรู้สึกว่านี่คือหนังในตำนานของเขาเรื่องหนึ่งอย่างแท้จริง